ในช่วงเวลาที่เมฆฝนกำลังจะสั่งลาและหมอกหนาๆ เพิ่งจะเริ่มมาทักทาย เราก็ได้มีโอกาสร่วมทริปไปกับการท่องเที่ยวกับโครงการหลวงขึ้นไปสัมผัสอากาศ ดีๆ บนดอยอินทนนท์ และแน่นอนว่าเราไม่ลืมที่จะเก็บภาพสวยๆ ของสถานที่เที่ยวต่างๆ มาฝากกันด้วย โดยเราจะเริ่มกันที่ “สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์” ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางหลักของเรากันก่อน และก็เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ไม่ว่าจะไปยังโครงการหลวงที่ไหนๆ เราก็จะได้เห็นโครงการในพระราชดำริของพ่อหลวงที่ทรงทำเพื่อประชาชนในผืนแผ่น ดินไทยให้ทุกคนได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และทุกโครงการก็ยังมีจุดที่น่าสนใจให้เราได้เรียนรู้มากมาย ไม่ว่าจะมาอีกสักกี่ครั้งก็เที่ยวได้ไม่รู้เบื่อ เพราะสวนของพ่อทุกสวนล้วนแต่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย และสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ก็เป็นอีกสวนหนึ่งของพ่อที่เราจะไปทำความรู้จักกัน
-
theTripPacker • October 09 , 2013
-
theTripPacker • October 09 , 2013
สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ เป็นอีกหนึ่งสถานีวิจัยในมูลนิธิโครงการหลวง ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะช่วยเหลือให้ชาวไทยภูเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้ชาวเขาเลิกการปลูกฝิ่น ทำไร่เลื่อนลอย และหันมาปลูกพืชเมืองหนาว เลี้ยงสัตว์ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ งานหลักๆ ของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ก็คือ การดำเนินการค้นคว้าวิจัยพันธุ์พืชผักเมืองหนาว ทั้งไม้ดอก ไม้ผล รวมถึงการทำประมงบนพื้นที่สูง ที่จะให้ผลผลิตตามมาตรฐานในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของตลาด รวมถึงงานพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ เพื่อที่เกษตรกรชาวไทยภูเขาจะได้มีรายได้ที่มั่นคง เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ยังเป็น ศูนย์การเรียนรู้การเกษตรอย่างยั่งยืนบนพื้นที่สูง ซึ่งมีกิจกรรมการเรียนรู้งานด้านการเกษตรบนพื้นที่สูงของสถานีมากมายที่เปิด โอกาสให้ประชาชน หน่วยงาน และผู้ที่สนใจทั้งภายในและนอกประเทศมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
ทำความรู้จักกับสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์แบบคร่าวๆ กันไปแล้วทีนี้ก็รีบตามไปเที่ยวกันดีกว่า จุดหมายแรกที่เจ้าหน้าที่ของโครงการหลวงพาเราไปเที่ยวในครั้งนี้ก็คือ “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง” ซึ่ง ที่แห่งนี้เองที่เราได้มีโอกาสได้เห็นต้นและฝักวนิลาอย่างใกล้ชิด ทำให้เราได้ความรู้เพิ่มเติมด้วยว่า กว่าที่เราจะได้ฝักวนิลากลิ่นหอมๆ ที่พร้อมจะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น ต้องอาศัยระยะเวลาที่นานมาก เริ่มตั้งแต่ผสมเกสรแล้วนับไปอีก 8 เดือนถึงจะเก็บเกี่ยวได้ เมื่อเก็บมาแล้วก็ต้องนำไปบ่มต่ออีก 4 เดือนกว่าจะได้วนิลาฝักสีน้ำตาลแบบที่เราเห็นวางขายตามท้องตลาด นอกจากวนิลาแล้ว ที่ศูนย์ฯ ขุนวางยังมีแปลงปลูกพืชเมืองหนาวอีกหลายชนิด เช่น องุ่นไร้เมล็ด ชา พีช พลับ เคพกูสเบอรี่ บล็อกโคโลนี่ เห็ดแชมปิญอง เห็ดPortobello และดอกเบญจมาศหลากสี ซึ่งหลังจากเดินชมศูนย์ฯ จนทั่วแล้ว เรายังได้รับประทานอาหารกลางวันสุดอร่อย ซึ่งส่วนประกอบของอาหารทุกจานก็มาจากผลิตผลในโครงการนั่นเอง เช่น ข้าวผัดชาเขียว ไข่เจียวสมุนไพร ผัดบล็อกโคโลนี่ ซุปเห็ดสามดอย และยำหมูคำหวานพร้อมผักสด ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ไอศกรีมวนิลาที่มีเนื้อฝักวนิลาผสมอยู่ด้วย เรียกได้ว่าแค่มื้อแรกของการเดินทางก็อิ่มหนำสำราญกันแล้ว แต่ความสนุกและความอร่อยยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะเราจะออกเดินทางต่อไปยัง สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์กันต่อเลย
-
theTripPacker • October 09, 2013
-
theTripPacker • October 09 , 2013
เมื่อมาถึงยังสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์เรียบร้อยแล้ว เราก็รีบเอาสัมภาระไปเก็บในที่พักกันก่อน ซึ่งบ้านพักภายในบริเวณสถานีฯ มีห้องพักให้เลือก 3 แบบด้วยกัน ทั้ง “ห้องพักสิริภูมิ B” ห้องพักแบบมาตรฐานสามารถเข้าพักได้ 2 คนต่อห้อง และภายในห้องพักก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเพียงพอ หรือจะเป็น “ห้อง Room 1-2” ห้องพักขนาด 4 คน ที่กว้างขวางเหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนพร้อมเพื่อนๆ และแบบสุดท้ายคือ “ห้องพักสิริภูมิ A” ที่ เป็นบ้านทั้งหลังประกอบด้วย 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และห้องนั่งเล่น สามารถเข้าพักได้ถึง 5 คน ถ้ามาเที่ยวพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว บ้านพักแบบนี้ก็เหมาะมากๆ เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในบ้านมีอย่างครบครัน แถมยังมีระเบียงกว้างที่เปิดออกรับลมหนาวพร้อมวิวของสวนสวยๆ ภายในสถานีฯ ด้วย เมื่อเก็บของเข้าที่พักกันเรียบร้ออยแล้ว เราก็ไม่รอช้ารีบออกไปเดินสำรวจบริเวณรอบๆ กันทันที ถัดจากบริเวณบ้านพักสิริภูมิ A จะเป็น “สวน 80 พรรษา” สวนดอกไม้สวยพร้อมสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีฝูงหงส์ว่ายวนชูคออวดความงามแก่นัก ท่องเที่ยวทุกคน ยิ่งในช่วงเย็นๆ แดดร่มลมตกเล็กน้อยก็ยิ่งทำให้อากาศเย็นสบายมากขึ้นไปอีก เราจึงเดินเล่นกันจนเกือบจะลืมเวลาอาหารเย็น
-
theTripPacker • October 09, 2013
-
theTripPacker • October 09 , 2013
อาคารสองชั้นหลังสีเหลืองสดใสเป็นที่ตั้งของ “สโมสรอินทนนท์” ครัว โครงการหลวงที่รวบรวมความอร่อยไว้เต็มพิกัดพร้อมบริการกันตลอดทั้งวัน ไม่ว่าใครต่างก็ติดอกติดใจในรสชาติอาหารของที่นี่ทั้งสิ้น รวมทั้งเราด้วยเพราะวัตถุดิบทุกชนิดเป็นผลผลิตจากในโครงการหลวงแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะอาหารขึ้นชื่อที่ใครๆ อยากมาลิ้มลองด้วยตัวเองอย่าง เมนูที่มีปลาเรนโบว์เทร้าท์ ปลาสะเตอร์เจี้ยน และกุ้งก้ามแดง ซึ่งไม่ว่าจะนำไปปรุงเป็นเมนูไหนก็อร่อยเด็ดทั้งสิ้น เช่น ปลา สะเตอร์เจี้ยนนึ่งซีอิ๊ว แกงเลียงลาเรนโบว์เทร้าท์ ยำปลาเรนโบว์เทร้าท์ฟู กุ้งก้ามแดงราดซอสต้มยำ กุ้งก้ามแดงราดซอสมะขาม เมี่ยงปลาเทร้าท์ในกระทงทอง และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากเมนูที่ยกตัวอย่างมากแล้ว ยังมีอาหารจานอื่นๆ จากผลิตภัณฑ์โครงการหลวงอีกมากมายที่เราได้ลองชิมแล้วอดเก็บไว้คนเดียวไม่ ได้ต้องเอามาแบ่งปันกัน เช่น เป็ดอบกาแฟดอยคำ ลาบปลาเพี้ย ตำผลไม้อินทนนท์ น้ำพริกเห็ดหอม-ปลาสลิดทอด ผัดผักนานาชนิด สลัดและผลไม้ ซึ่ง เราบอกได้คำเดียวว่าถ้าใครมาถึงสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์แล้วไม่ได้ลองแวะชิม อาหารอร่อยๆ ที่สโมสรอินทนนท์ก็คงเหมือนกับเที่ยวไม่ครบ เพราะคุณต้องเสียใจแน่ๆ ที่พลาดของอร่อยไป
พอแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ความสว่างไสวของดอยอินทนนท์ก็เริ่มปรากฏให้เห็น เพราะบริเวณโดยรอบสถานีฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงเรือนปลูกดอกเบญจมาศของชาวบ้านก็จะแข่งกันเปิดไฟในโรง เรือนให้ดอกไม้ของตนได้รับแสงอย่างเต็มที่ ดังนั้นทั้งหุบเขาแห่งนี้จึงสว่างไสวเป็นทั่วบริเวณเป็นความสวยงามอีกแบบที่ ถ้าใครได้มีโอกาสไปเห็นด้วยตาของตัวเองแล้วรับรองว่าจะต้องประทับใจไม่รู้ ลืมแน่ๆ สำหรับการเที่ยวชมในสถานีฯ และบริเวณใกล้เคียงนั้นยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะในวันรุ่งขึ้นเราก็ได้ไปดูแปลงปลูกสตรอเบอรี่ กีวี ดอกไฮเดรนเยีย กล้วยไม้ ดอกหน้าวัว รวมทั้งโรงเรือนอื่นๆ ที่รวบรวมพันธุ์ได้ต่างๆ ไว้มากมาย นอกจากนี้ในบริเวณสถานีฯ ยังมีเส้นทางเดินเท้าไปยัง “น้ำตกสิริภูมิ” ซึ่งบริเวณรอบๆ น้ำตกได้มีการจัดตกแต่งเป็นสวนหย่อมไว้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจแก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนไว้อย่างสวยงาม
-
theTripPacker • October 09, 2013
-
theTripPacker • October 09 , 2013
หลังจากที่เราใช้เวลาในสถานีฯ พอสมควรแล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะแวะไปเที่ยวที่ “บ้านแม่กลางหลวง” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีฯ เท่าไหร่นัก ที่แห่งนี้เองที่เป็นพื้นที่ในการทดลองทำ “ประมงบนพื้นที่สูง” ซึ่งจะมีทั้งบ่อเลี้ยง “ปลาสะเตอร์เจี้ยน” และบ่อเลี้ยง “กุ้งก้ามแดง” ใน นาข้าว สำหรับการเลี้ยงปลาสะเตอร์เจี้ยนนั้น หลายๆ คนอาจจะเคยได้รู้จักปลาชนิดนี้อยู่บ้างแล้ว แต่ถ้าใครยังนึกไม่ออกเราคงต้องบอกกันว่า เจ้าปลาตัวนี้แหละที่สามารถผลิตไข่ปลาที่มีมูลค่าสูงมากๆ ซึ่งเรารู้จักกันดีในชื่อว่า “ไข่ปลาคาร์เวียร” นั่นเอง ปลาสะเตอร์เจี้ยนรุ่นที่เลี้ยงอยู่ในปัจจุบันนี้ยังจัดอยู่ในขั้นของการ ทดลองเลี้ยงเพื่อพัฒนาให้สามารถให้สายพันธุ์ที่มีคุณภาพที่แน่นอนตามมาตรฐาน ของตลาด ส่วนกุ้งก้ามแดงนั้น เป็นกุ้งที่นำสายพันธุ์มาจากประเทศออสเตรเลีย และกุ้งชนิดนี้ยังสามารถเลี้ยงไว้ในนาข้าว เพราะนอกจากที่มันจะไม่ทำลายต้นข้าวแล้ว มูลของกุ้งก้ามแดงยังเป็นปุ๋ยอย่างดีอีกด้วย ทำให้ต้นข้าวเจริญงอกงามและได้ผลผลิตที่ดี ซึ่งเราก็โชคดีที่ได้มาที่บ้านแม่กลางหลวงในช่วงที่ใกล้จะถึงวันเก็บเกี่ยว พอดี ภาพทุ่งนาขั้นบันไดอันกว้างใหญ่สุดสายตาที่มีรวงข้าวสุกงอมจึงเป็นสี เหลืองอร่ามไปทั่วบริเวณ และเมื่อแสงสุดท้ายยามเย็นสาดส่องลงมาก็ยิ่งขับสีของทุ่งนาขั้นบันไดแห่งนี้ ให้กลายเป็นสีเหลืองทองมากขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าใครไม่ได้ยกกล้องขึ้นถามถ่ายภาพประทับใจนี้เก็บไว้คงเสียดายแย่ เพราะอีกไม่นานเมื่อการเกี่ยวข้าวผ่านไปเราคงต้องรอไปจนถึงฤดูหน้ากว่าจะได้ เห็นทุ่งนาสีทองแบบนี้อีกครั้ง
-
theTripPacker • October 09, 2013
-
theTripPacker • October 09 , 2013
และภาพสุดท้ายของวันนี้ที่เราเก็บไว้ในความทรงจำไม่รู้ลืมนั่นก็คือภาพทุ่งนาขั้นบันไดสีทองของบ้านแม่กลางหลวง แต่ สิ่งหนึ่งที่เราไม่อาจลืมเลือนไปจากใจเราได้เลยนั่นก็คือ พระมหากรุณาธิคุณขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานแนวพระราชดำริและพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อตั้งโครงการหลวงขึ้นมา เพื่อพัฒนพื้นที่เกษตรบนที่สูง พลิกฟื้นภูเขาอันห่างไกลจากการทำไร่ฝิ่นและไร่เลื่อนลอย มาเป็นแปลงผัก พืชผลเมืองหนาว และดอกไม้หลากสีที่ทำรายได้ให้กับชาวเขาอย่างมหาศาลต่อปี สำหรับ การท่องเที่ยวบนดอยอินทนนท์นั้นยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายรอเราอยู่ แต่สำหรับการท่องเที่ยวในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์นั้น คงต้องบอกว่าต่อให้มาอีกกี่ครั้งก็ไม่มีทางเบื่อได้ง่ายๆ เพราะทุกๆ ครั้งก็จะมีพันธุ์ไม้สลับสับเปลี่ยนกันออกดอกออกผลกันไป ไม่ว่าจะมาเที่ยวในช่วงเวลาใดก็สนุก สุขใจได้ไม่แพ้กัน
-
View more