ตั้งใจจะมาที่นี่นานแล้ว เคยแต่เห็นอยู่ไกลๆ หรือเดินผ่านบ้าง แต่ไม่เคยได้เข้าไป คราวนี้ตั้งใจมากๆ เป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญของการมาเที่ยวมานอนที่กรุงเทพฯ ในครั้งนี้เลยทีเดียว "โลหะปราสาท" คราวที่แล้วที่เห็นยอดหลังคายังมีสีดำอยู่ คราวนี้มีทองขลิบด้วย ดูสวยงดงามมากขึ้นอีก วันแรกที่ไปถึงเมืองกรุง ยังไม่ได้เข้าไปข้างใน เนื่องจากกินเพลิน ของกินบริเวณนั้นละลานตามาก เดินหาของกินจนล่วงเลยเวลา ฟ้าก็มืดแล้ว เลยได้แต่ถ่ายรูปบริเวณรอบนอก แต่ขอบอกว่างดงามเหมือ่นอยู่ในสรวงสวรรค์ ช่างกล้อง เตรียมขาตั้งกล้องไปกันได้เลยรับรองว่าไม่ผิดหวัง แต่เราไม่ได้เตรียมไป ใช้สองขาอันหนักแน่นแทน 

   เมื่อวานไม่ได้เข้าไปในตัวโลหะปราสาท วันนี้ได้เวลาอันเหมาะสม ได้เข้าไปแล้ว ตื่นเต้น เรานอนค้าง Hostel ตรงภูเขาทอง วัดราชนัดดา ก็อยู่บริเวณเดียวกัน เช็คเอ้าท์จากที่พักก็แวะที่นี่เลย คราวนี้ไม่พลาดกัน ก่อนเข้าในตัวปราสาทต้องถอดรองเท้าไว้ด้านนอก ทางวัดมีบริการที่วางรองเท้าไว้ให้ค่ะ ไม่เสียค่าเข้าชม ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ที่สำคัญที่สุด มีนิทรรศการของโลหะปราสาทด้านใน แสดงทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พาเพื่อนฝรั่งมาได้เลย จะบอกว่าเข้ามาในตัวปราสาทต้องอย่าเสียงดังมาก เพราะอาจมีผู้นั่งสมาธิอยู่ตัวปราสาท ในชั้น 1 นอกจากมีนิทรรศการแสดงแล้วยังมีที่นั่งสำหรับผู้ต้องการนั่งสมาธิด้วย ข้างในตัวปราสาทไม่ร้อนเลยค่ะ มีลมพัดเบาๆ เย็นสบายดี

ชั้น 1 มีที่นั่งไม้สำหรับผู้ที่ต้องการนั่งสมาธิการ เพราะฉะนั้นเวลาเข้าไปต้องไม่ส่งเสียงดัง

ยังอยู่บริเวณชั้น 1 เข้ามาลึกๆ หน่อย จะเริ่มมีนิทรรศการเรื่องของโลหะปราสาทแสดงอย่างเรียบง่าย ได้ความรู้ครบทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

นิทรรศการการสร้างโลหะปราสาท

     การขึ้นสู่ชั้นถัดไปมีบันไดวนทำด้วยไม้ เล็ก แคบๆ หน่อยค่ะ พอเดินสวนกันได้ เป็นบันได้ที่ต้องใช้น้ำใจของผู้มาเยือน ค่อยๆ เดินนะคะ อย่าเสียงดัง แนะนำว่าอย่าเดินรวดเดียวถึงชั้นบนสุด ค่อยๆ เดินชมทีละชั้น จะดีกว่า นอกจากได้พักเหนื่อยได้หายใจแล้ว แต่ละชั้นยังมีธรรมมะที่น่าสนใจให้ๆได้อ่านตามกำแพงต่างๆ อย่างที่บอกมีป้ายเป็นภาษาอังกฤษอธิบายประกอบด้วย

บันไดวน ขึ้นสู่ชั้นต่อไปของตัวปราสาท

บันไดเล็กและแคบค่อยๆ อย่างมีน้ำใจต่อกันนะคะ

ชั้นที่ 2 มีป้ายบอกว่าเป็นที่สำหรับเดินจงกรมค่ะ ป้ายดำๆ ที่เห็นเป็นป้ายที่อธิบายธรรมะของพระพุทธเจ้าที่สอดคล้องกับคติความเชื่อในการสร้างโลหะปราสาท มีภาษาอังกฤษอธิบายประกอบกับภาษาไทยด้วยค่ะ

ชั้นแรกของตัวโลหะปราสาท ยังเป็นสีโละอยู่ค่ะ ยังไม่ได้ขลิบทองค่ะ

ขึ้นมาอีกชั้น หลังคาเป็นโลหะขลิบทอง ตรงบริเวณชั้น 1 มีตู้รับบริจาคร่วมกันสร้างหลังคาขลิบทองของโลหะปราสาท ร่วมกันทำบุญได้ค่ะ

ความงดงามของศิลปะรัตนโกสินทร์

มีป้ายแสดงธรรมะพื่อให้ความรู้อยู่ทุกชั้นค่ะ

วิจิตรงดงาม

มาถึงจุดหมายชั้นบนสุด

ขึ้นไปสวดมนต์ไหว้พระบรมสารีริกธาตุได้ทีละ 2 คน มี 2 ด้านค่ะ

บทสวดคำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ มีภาษาอังกฤษด้วย

พระบรมสารีริกธาตุ

วัดภูเขาทอง อยู่ใกล้ๆ กันค่ะ

     อย่างที่เกริ่นไว้แต่แรกว่า วันแรกเข้าชมโลหะปราสาทไม่ทันเพราะมัวแต่กิน พื้นที่บริเวณนั้น เสาชิงช้า ประตูผี อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ร้านแถบนั้นแข่งกันอร่อย เพราะถ้าไม่อร่อย คงอยู่ไม่ได้ แล้วสมทบกับที่คุณเพื่อนสายกินมารวมตัวกันด้วยแล้ว โอ้วววว ไปกันใหญ่เลยค่ะ พุงจะแตก 

เมนูแรกเลย ข้าวมันไก้เบตง ลั่นฟ้า

ข้าวมันไก่เบตงลั่นฟ้า อร่อยฟ้าลั่น

ยุ้ยเผือกทอด อร่อยมาก ถ่ายรูปไม่ทัน เรากินกันหมดก่อน

มาต่อกันด้วยกุ๋ยช่ายเจ้ต๋อย อร่อยลืมโลก

แป้งบางใส ไส้แน่น

ขนมเบื้อโบราณ ร้านติดกับผัดไทยประตูผี

แป้งไม่รู้ว่าทำด้วยอร่อย แต่กรอบอร่อย ส่วนไส้ชั้นแรกลงด้วยไข่ที่ผสมกับมะพร้าว ต่อมาเป็นลูกพลับเชื่อม แล้วตบท้ายด้วยฝอยทอง กรอบ หอม หวาน ลงตัว

หมูสะเต๊ะ ซื่อเอาแถวๆ นั้น เนื้อไม่ด้าน ไม่แห้ง น้ำจิ้มอร่อย

ผัดไทอันลือลั่น ผัดไทประตูผี เราไม่ได้กิน เพราะคิวยาวมากๆ กินผัดไทร้านข้างๆ แทน

เรากินผัดไทร้านนี้

ผัดไทห่อไข่

ผัดไทแบบปกติ

    อาหารการกินในวันแรก ก็สุดๆ ไปเลย เราเดินเที่ยวตระเวณกิน ขอบอกว่าใช้วิธีเที่ยวบริเวณนั้น โดยการเดิน เพื่อเบิร์นแคลอรี่ จะได้กินได้เยอะๆ ส่วนในวันที่สอง เราเดินเรื่อยๆ จากที่พักมาตรงบริเวณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อมากินอาหารเช้าร้านนี้ ราคาสูงสักหน่อย แต่อร่อยไม่เป็นรองใคร ร้านโกปี๊

เมนูนี้เราขอแนะนำค่ะ โรตีแกงเขียวหวาน อร่อยจริงจัง

กาแฟโบราณ

ไข่กะทะ

ไปเที่ยวแถบนั้น เราแนะนำให้อดอาหารไปก่อนสัก 1 วัน เพื่อจะได้กินอย่างจัดเต็ม บริเวณนั้นไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก บอกเลยว่าตบะแตกแน่นอน ถ้ายังไงลองไปกินกันค่ะ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีค่ะ