พิชิตลานสนชมทุ่งดอกหงอนนาค ณ ภูสอยดาว (3 วัน 2 คืน)
ทริปนี้เป้าหมายหลักคือการได้ไปทักทาย “ดอกหงอนนาค” บนลานสนภูสอยดาว ดังนั้นก็ต้องวางแผนไปให้ถูกช่วงถูกเวลากันนะจ๊ะ พวกเราเลือกไปกันในวันที่ 12 -14 สิงหาคม (3 วัน 2 คืน) ซึ่งยังเป็นช่วงฤดูฝนอยู่
#ทริปนี้พิชิตได้แค่ลานสนเพราะอยู่ในช่วงหน้าฝนก็อดขึ้นยอด
#ทริปหน้าเราจะกลับไปอีกครั้งเพื่อพิชิตยอดภูสอยดาวช่วงปลายฝนต้นหนาวนะจ๊ะ
เป้าหมายที่ 6 ที่ตั้งเป้ากันไว้ว่าจะออกไปแตะขอบฟ้ากันให้ครบทุกสถานที่
ทริปนี้ยังแตะไม่ถึง 2,102 เมตร (งานนี้มีไปซ่อมจ๊ะ)
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลนาขุม ตำบลบ้านโคก อำเภอบ้านโคก อำเภอห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีจุดเด่นที่น่าสนใจและเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว ได้แก่ น้ำตกภูสอยดาว เป็นน้ำตก 5 ชั้น มีเนื้อที่กว้างประมาณ 1,000 ไร่ มีความสวยงามมาก มีถนนลาดยาง เข้าถึงพื้นที่ทำให้สะดวกสบายในการเดินทางพักผ่อนหย่อนใจ
สถานที่ตั้ง : ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ 53110
โทรศัพท์ : 055 436793, 091 0247633, 095 6299528 (สำหรับติดต่อในเวลาราชการเท่านั้น)
อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ
- ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
- ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
ส่วนการเดินทางนั้นขับรถไปกันเองค่ะ ออกจากกรุงฯ ตอน 19.00 น. ถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตอนตี 4 มีเวลานอนพักกัน 2 ชั่วโมงได้ ก็ปูเสื่อนอนกันตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเลย แถม 6 โมงเช้าต้องรีบตื่น ไม่งันพวกเราจะโดนรุมล้อมด้วยกลุ่มนักท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มารอต่อคิวลงทะเบียนนักท่องเที่ยว และรอชั่งสัมภาระเพื่อจ้างลูกหาบก่อนขึ้นภูกันจร้า ในส่วนนี้เมื่อชั่งเสร็จเจ้าหน้าที่จะมีใบน้ำหนักสัมภาระให้เรามาเพื่อไปเข้าแถวต่อคิวจ่ายเงินค่าอุปกรณ์ที่เช่า และค่าลูกหาบตามกิโล กิโลละ 30 บาท
นอนรอเวลาที่จุดบริการท่องเที่ยว ณ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
มีลานจอดรถบริการสำหรับคนที่นำรถส่วนตัวมากันเอง
ต่อคิวลงทะเบียนนักท่องเที่ยว
รอต่อคิวชั่งน้ำหนักสัมภาระ (กรณีจ้างลูกหาบ)
จุดบริการร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยง มีแค่ 1 ร้าน สามารถสั่งข้าวเพื่อนำไปกินระหว่างทางได้
เมื่อทุกอย่างพร้อมพวกเรานั่งรถจากอุทยานมายังจุดทางขึ้น ระยะทางประมาณ 1 กิโล และเริ่มออกเดินกันตอน 9.30 น. ถึงจุดหมายปลายทางตอน 13.35 น.
จัดการทุกอย่างพร้อมแล้วจะมีบริการรถรับส่งของทางอุทยานฯ ไปส่งเรา ณ จุดทางขึ้นนะจ๊ะ
สิ่งที่ควรรู้และการเตรียมตัว
- ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท
- ค่าลูกหาบกิโลกรัมละ 30 บาทต่อเที่ยว มัดจำขยะ 100 บาทต่อคณะ (ตอนลงนำขยะลงมารับเงินมัดจำคืน)
- รองเท้าที่ใช้ควรเป็นรองเท้าผ้าใบที่ใส่สบายเท้าและเหมาะกับการใช้ในการเดินป่าโดยเน้นที่มีดอกยาง
- มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือมีบางจุดระหว่างเดินเท้า แต่บนลานสนใครที่ใช้ AIS จะมีมากกว่าเครือข่ายอื่นๆ
- มีเต็นท์ ถุงนอน แผ่นรองนอน ทางอุทยานมีให้เช่าโดยทำการติดต่อจากทางอุทยานได้โดยตรงก่อนขึ้น เช่าอุปกรณ์ด้านล่างที่จุดบริการนักท่องเที่ยว รับอุปกรณ์เช่าบนภู ส่วนพวกผ้าใบคลุมเต็นท์ ก็เตรียมติดมาด้วยเผื่อข้างบนฝนตกไม่มีให้บริการ ถ้าไม่ได้เช่าเต็นท์ของทางอุทยานไว้
- บนภูมีเตาให้เช่า เตามี 2 แบบ เตาปิกนิก และเตาถ่าน มีถ่านและแก๊ซกระป๋องขาย แต่เตรียมไปเองก็ได้เอาที่สะดวก เผื่อของหมดจะได้ไม่อดตายกันด้วย
- ยาป้องกันแมลงกัดต่อย หรือใส่ขายาวง่ายสุด สำหรับป้องกันแมลงคุ่น (โดนมาแล้ว 2 วันแรกไม่มีอาการ หลังจากนั้นคันทะยานเลย โดนกัดมาแล้วใช้เวลา 2 อาทิตย์ถึงจะหายคัน)
- อาหารต้องเตรียมไปกันเองทั้งหมดนะจ๊ะ ไม่มีร้านค้าด้านบนและตามรายทาง แต่ด้านบนก็ยังพอมีบริการจิ้มจุ่ม ขายเป็นชุดสำหรับคนที่ไม่ได้นำอะไรขึ้นไป ไม่ได้ใช้บริการในส่วนนี้ไม่รู้ว่าขายกันชุดเท่าไร แต่เตรียมไปเองชัวร์สุดๆ)
- มีน้ำให้ดื่มฟรีอยู่ด้านบนเป็นน้ำฝนที่เจ้าหน้าที่รองไว้ให้ใช้ดื่มกัน เตรียมแค่ขวดน้ำและน้ำดื่มไว้กินระหว่างเดินเท้าพอ (พวกเราแบกไปด้วยแพ็กหนึ่งไม่น่าเลย)
- ไฟฉายหรือตะเกียงสำหรับใช้ในเวลากลางคืน เพราะที่นั้นไม่มีไฟฟ้านะจ๊ะ
- มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการอยู่ด้านบน แต่ต้องไปตักน้ำใช้เอง ซึ่งจะมีถังและขันน้ำให้ยืมไป
ตักน้ำ (ไม่ได้ให้ยืมฟรีต้องไปจ่ายเงินข้างล่างวันกลับ) จุ๊! ห้ามลงอาบน้ำล้างจานในลำธารนะจ๊ะเพราะเขาไม่ทำกัน
- เตรียมเสื้อกันฝนไปด้วยเพราะถ้าไปช่วงฤดูฝนก็จะชุ่มช่ำกันน่าดู
- เสื้อผ้าสัมภาระนำใส่ถุงพลาสติกและมัดปากให้เรียบร้อยก่อนนำใส่ลงในกระเป๋าเพื่อป้องการของเปียก
- ที่สำคัญที่สุดควรฝึกเดินระยะทางไกลๆ หรือมีประสบการณ์การเดินมาก่อนจะดีมาก ไม่งั้นคุณจะต้อง
ตกใจเมื่อเห็นยอดเนินมรณะ (มรณะสมชื่อจ๊ะ)