Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
"ภูลังการีสอร์ท" สุดยอดที่พักหลักร้อยวิวหลักล้านในฝันของนักเดินทาง ภูลังการีสอร์ท-พะเยา (Phu Lang Ka Resort-Phayao) จ.พะเยา
    • Posts-1
    Maysa •  August 24, 2015
    • Strong point:
    • ขึ้นชื่อว่าวิวหลักล้านจุดเด่นที่นี่ก็คือวิวที่สวยงามมากและราคาห้องพักที่เริ่มต้นเพียงแค่หลักร้อย
    • Weak point:
    • การเดินทางค่อนข้างไกลและถ้าหากเดินทางด้วยรถโดยสารอาจจะไม่สะดวกนัก
    • Conclusion:
    • ถึงแม้ว่าจะไกลแต่ถ้าหากวางแผนการเดินทางดีๆ เรารับรองว่าคุ้มค่าที่ได้มาเยือนแน่นอน
    Score
    • วีรยุทธ  รีวิวดีครับ แต่ข้อมูล คุณผิดครับ ในรูป ไม่ใช้ ภูลังกา แต่เป็น จุดชมวิวแถวๆ ภูลังการีสอร์ท ในภาพนั้นคือวิวส่วนล่างของ " สะเกิน " คนในพื้นที่จะเข้าใจดี เพราะคน มาเที่ยว ไปผิดตลอด และ ก็เผยแพร่ข้อมูลผิดตลอด ตรงนี้ก็มีปัญหากันทุกปี เพราะ " ภูลังกา " มันอยู่ห่างจากจุดนี้ไป ประมาณ 20-30 กม. ในกระทู้ในพันทิปก็มี ลองดูครับ https://pantip.com/topic/35924110 29 January 2017 20:26:53
    • Phasiri  ขอบคุณคะกำลังหาข้อมูลอยู่เลยคะ 23 July 2016 18:10:22
    • Maysa  ขอบคุณค่า ^_^ 26 August 2015 14:35:17
    • IMuay  สวยมากจ้า. รีวิวละเอียดเชียวเดี๋ยวตามไปๆๆ 26 August 2015 14:26:46
    • Posts-2
    Maysa •  August 24 , 2015

    การเดินทางไปภูลังการีสอร์ท
    จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) มุ่งสู่จังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก ลำปาง
    และต่อไปจนถึงจังหวัดพะเยา แนะนำให้ใช้ทางเส้นทางนี้ เนื่องจากสามารถเดินทางได้สะดวกที่สุด
    และเป็นถนนสี่เลนตลอดเส้นทาง
    จากจังหวัดพะเยา เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1021 (พะเยา-เทิง) ถึงหน้าอำเภอจุน
    ถึงสี่แยกเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1021 ประมาณ 24.5 กิโลเมตร ถึงตำบลน้ำแวน อำเภอเชียงคำ
    เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1176 ประมาณ 6.5 กิโลเมตร เลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1179
    (ฝายกวาง-บ้านดอนเงิน) ประมาณ 0.5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหายเลข 1148
    ประมาณ 14 กิโลเมตร ถึงสามแยกตัดกับทางหลวงหมายเลข 1092
    จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1148 ประมาณ 2.9 กิโลเมตร ผ่านบ้านสิบสองพัฒนา
    ถึงที่ทำการศูนย์วัฒนธรรมชาวเขา เลี้ยวซ้ายหักศอกเข้าสู่ถนน รพช. เพื่อมุ่งหน้าสู่วนอุทยานภูลังกา
    ประมาณ 7.8 กิโลเมตร จะผ่านโครงการหลวงปังค่า โฮมสเตย์วิถีชีวิตชนเผ่ามั่งบ้านน้ำต้ม

     

    • Posts-3
    Maysa •  August 24 , 2015

    My Dream Destination...
    เพื่อนๆหลายคนคงมีความฝันว่าอยากไปที่แห่งไหนสักแห่งนึงบนโลกใบนี้
    ส่วน My Dream Destination ของเรานะเหรอเยอะมากจนนับนิ้วมือกับนิ้วเท้ารวมกันยังไม่หมด
    เอาเป็นว่าจะรีวิวนี้จะเป็นอีกหนึ่งใน My Dream Destination ของเราแล้วกัน
    และที่นี่อาจเป็นสถานที่ในฝันของนักเดินทางอีกหลายๆคนเราเชื่อว่าอย่างนั้น
    สถานที่นี้อยู่ในประเทศไทยนี่แหละที่จังหวัดพะเยาในอดีตที่ผ่านมาเมื่อครั้งยังไม่ได้สนใจการท่องเที่ยวมาก
    ไม่เคยคิดว่าจะมาจังหวัดนี้เลยแม่แต่นิดเดียว แต่มาในวันนี้สถานที่ในฝันของเรากลับมาอยู่ที่นี่ จังหวัดพะเยา




     

    สถานที่นี้คือ "ภูลังการีสอร์ท" อยู่ที่อำเภอปง จังหวัดพะเยา
    สถานที่แห่งนี้ถือว่าแปลกใหม่มากสำหรับเราเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว
    เรารู้จักสถานที่นี้เป็นครั้งแรกจากในเว็บแต่ที่สะดุดใจมากที่คือรีวิวของคุณ Forzanu
    เมื่อแรกเห็นก็ตกหลุมรักในทันทีและก็ตั้งใจว่าต้องไปสถานที่แห่งนี้ให้ได้
    พร้อมกับคิดในใจประเทศมีที่วิวแบบนี้ด้วยเหรอค่ะ (จริงก็ว่ะนะแหละ) อย่างกับภาพวาดจีนเลย





    • Posts-4
    Maysa •  August 24 , 2015

    การเดินในวันนั้นเพลิดเพลินเพราะวิวจากสองข้างทางระหว่างขึ้นภูลังกาสวยมากๆ
    แสงแดดตอนสี่โมงเย็นส่องสะท้อนกับต้นหญ้าข้างทางนั้นงามปะล้ำปะเหลือ
    แต่เสียดายกล้องแบตหมดอดถ่ายเลยเราแวะเข้าไปที่ทำการของวนอุทยานภูลังกาด้วยค่ะ
    แต่ว่าไม่มีรูปมาฝากนะคะเพราะแบตหมดไปตั้งแต่ในตัวเมืองพะเยาแล้วค่า
    ที่นี่มียอดภูลังกาสามารถขึ้นไปกางเต้นท์ชมวิวสวยๆได้แต่เราไม่ได้ขึ้น
    เพราะครั้งนี้เราไม่ได้มากางเต้นท์เราตั้งใจไปพักที่ภูลังการีสอร์ท




     

    ถ้าหากมาจากทางวนอุทยานฯ ภูลังการีสอร์ทจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะให้สังเกตจะมีป้ายบอกตลอดทาง
    เข้ามาเจอร้านกาแฟและร้านขายของเล็กๆของรีสอร์ทและเป็นที่เช็คอินอีกด้วย
    จะเรียกว่าล๊อบบี้ก็ดูทางการไปอ่ะเน๊าะ








     

    ที่นี่มีทั้งสถานที่สำหรับกางเต้นท์และห้องพักมีตั้งแต่หลักร้อยถึงพัน
    เต้นท์มีตั้งแต่ 300 - 500 บาท ถ้านำเต้นท์มาเองคนละ 120 บาท
    ราคาห้องพักก็มีตั้งแต่ 700 บาท ถึง 3,000 บาท รายละเอียดตามภาพเลยค่ะ


     

    ส่วนเราเลือกกางเต้นท์ค่ะคนละ 120 บาทเท่านั้นคุ้มสุดคุ้มกับวิวแบบนี้ ^_^
    พอเริ่มมืดอากาศก็เริ่มเย็นพอสองทุ่มก็เริ่มง่วงกันแล้วค่ะ
    ก็เลยนอนพักผ่อนให้เต็มที่พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้ามาชมภาพที่รอคอยกันมาแสนนาน
    เราลืมตาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังมืดแต่ไม่รอช้าคว้ากล้องไปนั่งรอหมอกกันตั้งแต่เช้า
    ถึงแม้ฟ้าจะยังไม่สว่างมากแต่เราก็ได้เห็นหมอกปกคลุมพื้นที่ของหมู่บ้านด้านล่างแล้ว
    แค่นั้นก็ตื่นเต้นแล้วล่ะแต่ก็รอลุ้นอยู่ว่าจะมีมากแค่ไหน






     

    พอฟ้าเริ่มสว่างเห็นหมอกรำไรวิวที่เห็นก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่นิด
    สวยอย่าบอกใคร แต่อันนี้บอกได้บอกเลยเยอะๆ ของเค้าดีจริง






     

    ที่เห็นเราปรับสีภาพโทนนู้นโทนนี่ต้องบอกก่อนว่ารูปที่เราถ่ายมามันค่อนข้างมืดในบางภาพ
    เพราะท้องฟ้าค่อนข้างขมุกขมัวฟ้าปิดไม่มีแดดแต่ก็สว่างพอให้เห็นน้องหมอกได้อยู่
    ก็เลยลองปรับสีดูเพื่อให้ภาพพอใช้ได้บ้าง ถือว่าปรับเปลี่ยนอารมณ์ในการชมภาพแล้วกันเน๊าะ




     

    แต่แนะนำถ้าอยากได้ภาพสวยๆ ให้เดินออกมาหน้ารีสอร์ทแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอลานช่างภาพ
    ถ่ายภาพกันได้โล่งๆไม่มีต้นไม้บังเลยค่ะ เสียดายมาสายไปหน่อยหมอกเริ่มจางแล้ว



     

    สมกับเป็นลานช่างภาพไม่ว่าจะกล้องเล็กกล้องใหญ่กล้องมือถือ แหม่มุมมหาชนจริงๆ










     

    ที่ลานช่างภาพมีบ้านอยู่ไม่รู้ว่าจะเปิดให้พักมั้ยไม่รู้แต่ดูวิวซิสุดๆไปเลย








     

    ภูเขาที่เห็นในภาพบ่อยๆที่จะเรียกว่าเป็น signature หรือ logo ของภูลังการีสอร์ทเลยก็ว่าได้
    เขาลูกนี้คือผาช้างน้อยเพราะมองคล้าย ๆ ลูกช้างในบางมุม เลยเป็นที่มาของ ต.ผาช้างน้อยนั่นเอง
    สายหมอกกำลังจะโอบล้อมช้างลูกน้อยตัวนี้ไว้แล้วมันเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่น่าทึ่งนะว่ามั้ย
    ไม่ว่ามนุษย์จะมีสติปัญญาหรือเงินมากเพียงใดก็ไม่สามารถจะทำได้หร๊อกกกก






     

    มองจากด้านบนนี้จะมองเห็นด้านล่างที่มีหมู่บ้านอยู่ เรามองจากข้างบนมีหมอกเยอะขนาดนี้
    ที่นั่นคงกลายเป็นหมู่บ้านในสายหมอกไปแล้วซินะ









    นั่งแช่อยู่ที่ลานช่างภาพชมวิวอยู่สักพัก ก็เริ่มหิวก็เลยกลับมาทานอาหารเช้าที่รีสอร์ท

    120 บาทกับวิวสวยพร้อมอาหารเช้าด้วยน่ะจ๊ะ สุดยอดคุ้ม!!!






     

    ก่อนถึงที่ทานอาหารเดินผ่านมุมนี้เป็นซุ้มสมุนไพรต่างๆ สามารถชงดื่มได้มีกาน้ำต้มไว้บนเตาถ่าน








     

    ตอนทานอาหารเช้าคุณลุงแคะเหว่น (เป็นภาษาของชาวเขาแต่จำไม่ได้ว่าเผ่าอะไรนะคะ)
    คุณลุงเป็นเจ้าของรีสอร์ทค่ะมาเล่าประวัติของชนเผ่าและนำ “เกีย เซน ป้อง”
    จะเปรียบเสมือนพาสปอร์ตของคนในสมัยนั้นค่ะที่จำได้นิดหน่อยก็คือ
    “เกีย เซน ป้อง” นี้กษัตริย์ของจีนในสมัยนั้นมอบให้กับคนจีนใช้ในการอพยพ
    และชนเผ่าก็จะจดบันทึกเรื่องราวการเดินทางเมื่อผ่านไปยังสถานที่ต่างๆ ก็คล้ายๆพาสปอร์ต






     

    ทุกคนดูจะตั้งใจฟังคุณลุงพูดมากๆค่ะ เราก็ถ่ายรูปไปด้วยเลยจำไม่ค่อยได้






     

    “เกีย เซน ป้อง” มีขนาดที่ยาวมากคุณลุงบอกว่า “เกีย เซน ป้อง” ฉบับนี้เป็นฉบับเดียวที่หลงเหลืออยู่ค่ะ
    ฉบับอื่นๆถูกนำไปเผาทิ้งเมื่อครั้งตอนที่มีสงครามคอมมิวนิสต์กัน
    นอกจากคุณลุงจะเล่าประวัติของ “เกีย เซน ป้อง”
    คุณลุงยังเล่าประวัติของชนเผ่าตั้งแต่เมื่อสมัยอพยพมาจากเมืองจีนเข้ามาประเทศไทยได้อย่างไร
    และเมื่อเข้ามาแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างไปจนถึงเมื่อครั้งคอมมิวนิสต์ที่นี่ก็เป็นฐานของคอมมิวนิสต์ด้วยนะคะ
    ลานข้างล่างที่สวยๆนั่นก็เคยเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ของพวกคอมมิวนิสต์ด้วยค่ะ
    จริงๆมีรายละเอียดเยอะและเรื่องราวสนุกมากๆ ถ้าคนชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์
    ฟังคงเพลินแน่ๆค่ะ แต่เสียดายที่ความจำเราไม่ค่อยดีเลยเล่าได้แค่นี้อาจจะไม่ค่อยแม่นยำนะคะ ^_^
    แต่ถ้าได้ฟังคุณลุงเล่าสนุกแน่นอนค่ะ พอเล่าเสร็จคุณลุงก็จะให้แขกได้ถ่ายรูปเป็นที่ระทึกกัน






     

    วิวตรงที่ทานอาหารเช้านี่ก็สวยไม่แพ้ตรงลานช่างภาพเลยนะคะ
    ที่จริงวิวตรงนี้แหละที่ส่วนมากเราเคยเห็นกัน เช้าที่เราไปฟ้าปิดมาก
    แต่โชคดีมีแสงลอดลงมาจากท้องฟ้าในเวลาเพียง 10 วินาที เพราะฉะนั้นจึงกดชัตเตอร์ไม่ยั้ง










     

    เวลาเราเห็นภาพที่มีแสงแบบนี้เราชอบเรียกเอาเองว่าเป็นแสงจากยูเอฟโอนะคะ
    มันเหมือนนะว่ามั้ยๆ พอแสงยูเอฟโอหมดฟ้าก็เริ่มสว่างเข้าสู่โหมดปกติ










     

    พอสว่างหมอกก็หายแต่วิวก็ยังสวยอยู่ดี อากาศก็ดี
    ในส่วนของพักก็มีหลายแบบค่ะ เราก็ไปแอบถ่ายมาบ้างก็คือห้องพักหลักร้อย
    ก็คือห้องภูบังเกอร์ราคา 700 บาทค่ะพักได้ 2 คน




     

    ส่วนบ้านหลังใหญ่สุดชื่อบ้านภูสิงห์มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ราคา 3,000 บาทต่อคืนพักได้ 8 คน
    ห้องนี้น่าจะเป็นห้องที่วิวสวยมากเพราะด้านหน้าไม่มีอะไรมาบังเลยแม้แต่น้อย ดูจากคนที่มาพักซิค่ะยืนชมวิวชิลเลย






     

    หลังนี้(ด้านหน้าที่เป็นสีๆ) คือบ้านชมดาวพักได้ 4 คนค่ะราคา 1,500 บาท
    ส่วนด้านหลัง(บ้านสีขาวๆ) บ้านภูชมฟ้าพักได้ 2-3 คน ราคา 1,500 บาท มีเครื่องทำน้ำอุ่นและโทรทัศน์
    ห้องพัก 2 แบบนี้จะมีดาดฟ้าไว้สำหรับชมวิวค่ะและเป็นบ้านพักใหม่




     

    เห็นมั้ยค่ะว่าการเดินทางไม่จำเป็นว่าต้องมีเงินหลักหมื่นหลักแสน
    บางทีจ่ายแค่ร้อยก็ได้พักในรีสอร์ทวิวระดับเทพแบบนี้แล้ว
    แล้วยังรออะไรอยู่เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าซะแล้วออกไปเที่ยวกันดีกว่า
    สนใจภูลังการีสอร์ทเข้าไปที่ https://www.facebook.com/PhulangkaResort
    หรืออยากพูดคุยหรือสอบถามเรื่องท่องเที่ยวจากรีวิวของเมษาไปที่ https://www.facebook.com/maysatraveller

    แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางครั้งหน้านะคะ...