ช่วงนี้ได้เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ฝนเริ่มตกกระจายในหลายพื้นที่ คืนความเขียวขจีให้กับต้นไม้ใบหญ้าหลังจากที่แห้งแล้งมานานหลายเดือน วิวทิวทัศน์ตามชนบทในช่วงนี้ สำหรับผมมันช่างดูสบายตาดีจัง มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียว

          บางคนอาจไม่ชอบออกท่องเที่ยวในฤดูนี้ ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น เรื่องของสภาพลมฟ้าอากาศซึ่งไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ หากตั้งใจออกไปเที่ยวในช่วงนี้ เมื่อถึงที่หมายแล้วฟ้าฝนไม่เป็นใจ ก็คงหมดสนุกกันไป   

          แต่สำหรับผมหลังจากที่ฝนเริ่มตก เป็นสัญญาณเตือนแล้วว่า  ช่วงเวลานี้แหล่ะ เหมาะกับการออกไปสัมผัสธรรมชาติ เพื่อชาร์จพลังงานชีวิต หลังจากที่ได้ตรากตรำทำงานหนัก โดยเว้นว่างการตะลอนเที่ยวมาสักพักนึง

          สถานที่แรกที่ผมนึกถึง เวลาที่อยากออกทริปสั้นๆ ในช่วงวันหยุด เสาร์ – อาทิตย์ คือเขาค้อ และภูทับเบิก ซึ่งที่ผ่านมาเรียกได้ว่าไปกันมาแล้วครบทุกฤดู ถึงแม้ว่าปัจจุบันความเจริญจะรุกคืบเข้ามาในพื้นที่มากเกินไป ทำให้ความเป็นธรรมชาติเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ มีแต่สิ่งปลูกสร้างเกิดใหม่เข้ามาแทนที่ บดบังทัศนียภาพที่สวยงามบางส่วนไป แต่ถึงอย่างไร ผมก็ยังชอบและกลับมาเที่ยวที่นี่อยู่บ่อยๆ

          ทริปนี้ผมกับแฟนตั้งใจจะไปชมวิว และรับอากาศบริสุทธิ์ในตอนเช้า โดยเป้าหมายแรกของเราคือร้านกาแฟ Pino Latte เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และไปต่อกันที่ภูทับเบิก

          หลังเลิกงานในวันศุกร์ที่ 3 มิ.ย.59 ผมกับแฟนเก็บสัมภาระที่จำเป็น และออกเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว มุ่งหน้าไปยัง จ.เพชรบูรณ์ ล้อหมุนออกจาก กทม. ประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง ขับไปพักไปเป็นระยะ ไม่เร่งรีบ เบ็ดเสร็จผมใช้เวลา ประมาณ 6 ชม. ก็ถึงที่หมายแรก บริเวณ ร้านกาแฟ Pino Latte ตอนประมาณ 6 โมงครึ่ง พอดี

 

           จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะมาเก็บภาพวิววัดพระธาตุผาซ่อนแก้วที่ร้านนี้ โดยแอบหวังไว้ว่าอาจโชคดีเจอหมอก ซึ่งมันก็มี แต่ว่ามีลมแรง ส่งผลให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง หมอกฟุ้งกระจายไปทั่ว ไม่จับตัวเป็นทะเลหมอก แต่ว่ามานั่งกินกาแฟชมวิววัดพระธาตุผาซ่อนแก้วตรงจุดนี้มันสุดยอดจะบรรยายเลยครับ 

          หลังจากที่อุดหนุนกาแฟกับอาหารมื้อเช้าของทางร้านเรียบร้อย ประมาณ 9 โมง ผมก็ออกเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปยังภูทับเบิก ซึ่งครั้งนี้ถือว่าขึ้นภูทับเบิกเช้ามากๆ ระหว่างทางเจอหมอกเป็นระยะ เป็นสัญญาณที่ดี ว่าเราอาจได้เจอทะเลหมอกสวยๆ ก็เป็นได้

          บรรยากาศบนภูทับเบิกในห้วงนี้ เงียบสงบดีครับ ไม่มีคนพลุกพล่านเลย แตกต่างจากฤดูหนาวที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นกว่านี้มากมาย ข้อดีของการมาเที่ยวในช่วงนี้คือได้ที่พักในราคาที่ถูกลงมามากกว่าครึ่ง เนื่องจากตอนนี้ สำหรับที่นี่ ก็ถือว่ายังเป็นช่วง Low Season ใครมาเที่ยวในช่วงนี้สามารถเลือกที่พักได้ตามใจชอบเลยครับ จะเอาใกล้   มุมไหน วิวไหน เพราะที่พักว่างเยอะ ผมเองก็มาได้ที่พักใกล้กับจุดชมวิวริมผา ชื่อ เดอะม้ง รีสอร์ท ห้องที่ผมพัก กว้างมาก มี 2 เตียง นอนกันได้ ประมาณ 4 – 5 คน (แต่ว่าเรานอนกันสองคน) ราคา 1,000 บาท มีทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น และ Wifi จากการสอบถามราคาห้องนี้ในช่วง High Season จะคิดอยู่ที่ราคา 2,500 บาท เทียบดูแล้วราคาที่พักในฤดูกาลนี้ ถูกลงกว่าครึ่งเลยครับ (ขออภัยครับไม่ได้ถ่ายภาพในห้องมาให้ดู)

           ส่วนวิวหน้าบ้านจะเป็นแบบนี้ แถมยังมีจุดชมวิวของรีสอร์ทที่ทำไว้ให้ลูกค้าเดินไปชมทะเลหมอก และถ่ายรูปที่ระลึกได้เลยครับ

          หลังจากได้ที่พักเรียบร้อย เราก็เริ่มออกสำรวจพื้นที่เพื่อหามุมถ่ายรูป ภูทับเบิกนี่จะมีหมอกทั้งวันเลยครับ แต่ว่าช่วงที่ผมไปตอนกลางวันลมค่อนข้างแรง ทำให้หมอกฟุ้งกระจาย ไม่จับตัวกันเป็นทะเลหมอก

          แต่ก็ถือว่ายังโชคดีที่ได้เจอหมอกฝน ภาพนี้ถ่ายที่เชิงเขาหน้าบ้านไร่สุวิทย์ ครับ อยู่ไม่ไกลจากที่พักผมมาก ประมาณ ๓ กม. ขับรถแปปเดียวถึง 

        หลังจากถ่ายภาพเสร็จ ตอนบ่ายมีฝนตกลงมาเลยหลบมานอนพักผ่อน ช่วงเย็นเราออกมาดูสภาพอากาศอีกรอบ หมอกก็ยังฟุ้งกระจายอยู่ เลยไม่ได้เก็บภาพ ได้แต่ฝากความหวังไว้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีทะเลหมอกแน่นๆ มาให้เราดูกัน 

            ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นกันประมาณ 6 โมงเช้า หลังจากดีดตัวออกจากที่นอนได้ก็เตรียมออกไปถ่ายรูปเพราะกลัวจะพลาดอะไรดีๆ พอเปิดประตูห้องออกไป ก็พบว่าสิ่งที่เรารอคอยมันมาแล้ว หมอกเริ่มจับตัวเป็นปุยสีขาว ลอยอยู่บนยอดเขา พระอาทิตย์ก็กำลังจะโผล่พ้นเมฆพอดี ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสทองที่ต้องรีบเก็บภาพกัน เพราะว่าเริ่มมีลมแล้ว ทำให้หมอกกระจายตัว ไม่จับกันเป็นทะเลหมอก 

          หลังจากที่หมอกเริ่มฟุ้ง ผมกลับไปยังที่เดิมที่เมื่อวานไปถ่ายรูปกัน คือ บริเวณไร่สุวิทย์แต่ก็ได้มาแค่นิดหน่อย

          จากนั้นก็กลับมาปักหลักเฝ้ากันต่อที่จุดชมวิวไร่ริมผา 

          ภาพนี้ถ่ายที่จุดชมวิวไร่ริมผาครับ ใครที่อยากได้รูป ต้องมีความอดทนนั่งเฝ้ากันนิดนึง เพราะสภาพอากาศมันจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สบโอกาสจังหวะดีๆ ที่ลมสงบ ไปอยู่ถูกที่ ถูกเวลา เราก็จะได้ภาพทะเลหมอกตามที่ต้องการครับ

          สำหรับใครที่จะไปชมทะเลหมอกหน้าฝน ลองวางแผนการเดินทางดูครับ และติดตามข่าวสาร/ดูพยากรณ์อากาศประกอบการตัดสินใจ โดยปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้เกิดทะเลหมอก คือ มีฝนตกในพื้นที่ ดังเช่นที่ผมเจอ      

          หน้าฝนนี้ใครว่าไม่น่าเที่ยว อย่าไปเชื่อนะครับ ต้องลองออกมาสัมผัสด้วยตัวเองดู จบการแชร์ประสบการณ์ ขอบคุณทุกๆ คน ที่เข้ามาอ่านครับ