ผมเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพตอน 20.30 น. ถึงพิษณุโลกประมาณ 02.00 น. ผมเลือกลงรถที่หน้า ม. นเรศวร สักพักก็มีพี่ที่นัดกันเอาไว้มารับ พักที่พิษณุโลกราว 3 ชั่วโมง เวลา 05.00 น. ก็เริ่มออกเดินทางจาก ม. นเรศวรโดยรถฮอนด้าเวฟ 100 ซีซี โดยมีปลายทางอยู่ที่เขาค้อ ด้วยความที่ออกแต่เช้ามืด จึงไม่เร่งรีบนักกับการเดินทาง ออกมาสักพักฟ้าเริ่มสว่าง เจออะไรสวยงามหรือน่าสนใจก็แวะชมได้ตลอด ภาพแรกมาถ่ายวิวที่ อ.วังทอง และแวะมาถ่ายภาพโบสถ์ที่วัดวังนกแอ่น โบสถ์เพิ่งสร้างเสร็จสวยงามมาก
หลังจากชื่นชมโบสถ์ที่วัดวังนกแอ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อเข้าสู่เขต อ. นครไทย และไม่นานก็เข้าเขต อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ด้วยความสะดวกของรถมอเตอร์ไซค์ เราจึงแวะเก็บภาพข้างทางได้อย่างสะดวก
นั่งมอไซค์นานๆ นั่นแหละปวดตูด ทนหน่อยๆอีกนิดก็จะถึงละ บ่นได้ไม่นานก็ถึงแยกแค้มป์สน เปิดแมพดูอีกสิบกว่าโลเอง ฮ่าๆๆ สักพักก็เห็นสิ่งปลูกสร้างแปลกๆจากสันเขาอีกด้านนึงไกลมากๆเล็กนิดเดียวเอง
มาเห็นลองจริงแล้วขนาดมันสูงและใหญ่มาก ลองเทียบขนาดต้นสนกับกังหันลมดู
ชมจากมุมไกลๆแล้ว มาชมไกล้ๆแบบเต็มๆตากัน
ขับรถมาซะไกลมาดูแค่กังหันลม มันก็คงไม่คุ้มค่าเสียเวลาที่ทนนั่งมอไซค์มา ชื่นชมสูดอากาศดีๆที่ทุ่งกังหันให้สาแก่ใจ
ขากลับเลยแวะไปชมวิววัดผาซ่อนแก้วจากร้านกาแฟพิโน่ลาเต้สักนิดก็ยังดี นิดเดียวจริงๆ
ภาพขากลับลงจากทุงกังหันลม
ทางขึ้นไปร้านกาแฟแอบชันพอสมควร ต้องดึงสมรรถนะของรถเราออกมาใช้ให้มากที่สุด
555 ซ้อนสองขึ้นไม่ไหวครับ ต้องลงแล้วเดินๆๆๆ
จากร้านกาแฟเลื่องชื่อลงมาวัดผาซ่อนแก้วประมาณ 5 นาที เราก็มาไหว้พระกันก่อนกลับที่พักที่พิษณุโลก
การเดินทางครั้งนี้เป็นเพียงการเดินทางแบบง่ายๆ ระยะไม่ไกลมากนัก ประหยัดงบมากๆเพราะไม่ได้มาพักค้างคืน และไม่ได้ช้อปปิ้งอะไร เพียงแค่หมดกับค่าน้ำมันและค่าอาหาร ไม่กี่ร้อยบาท แต่ได้มาเที่ยวชมบรรยากาศใหม่ๆ หลีกหนีจากกรุงเทพเมืองที่แสนสับสนวุ่นวาย ก็ถือว่าคุมค่ามากๆแล้ว
คำแนะนำ
บรรยากาศที่เขาค้อช่วงเช้าอากาศเย็นสบาย ช่วงสายไปถึงช่วงบ่ายแดดแอบแรงหน่อย อย่าลืมกันแดดนะครับ
ผมกลับมานี่ปวดแสบปวดร้อนมาก และแล้วก็ลอกคราบ หนังหน้านี่ลอกออกมาเป็นแผ่นๆ
ด้วยรักและห่วงใย
