วัดใจ ไปดอยม่อนจอง

การเดินป่า ดอยม่อนจอง เปิดตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ ของทุกปี

ทริปนี้บอกเลย จองข้ามปี เมื่อปีที่แล้วเพื่อนชวน แต่ติดธุระ เลยไม่ได้ไป และตั้งใจว่าจะไปให้ได้ในปีนี้  ต้องขอบคุณเพื่อนแนนที่ไปเป็นเพื่อนเรา เพราะปีที่แล้วนางก็ไปมาแล้วด้วย  ก่อนไปก็ดูรีวิวคนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง แล้วก็ไปเจอข่าวว่าช่วงต้นเดือนกุมภาพันธุ์จะเจอทางช้างเผือกและนั่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่ลังเลที่จะไปต่อ 

ก่อนเดินทางก็แอบกังวลนิดหน่อย เพราะเป็นเส้นทางที่ไม่เคยไป เพราะต้องนั่งรถทัวร์ผ่านเส้นทาง อ.ลี้ จ.ลำพูน เป็นเส้นทางที่ขึ้นเขาและโค้งค่อนข้างเยอะมาก เราเดินทางเย็นวันศุกร์ที่ 3 ก.พ.60

ด้วยรถทัวร์กรุงเทพ - จอมทอง รอบ 21.20 น. ที่เลือกรอบนี้คือคิดว่าน่าจะไปถึงเช้ามาก เพราะไม่ต้องไปเชียงใหม่แล้วนั่งรถย้อนมาที่จอมทอง เพราะเพื่อนเราอยู่แถวจอมทอง คิดว่าน่าจะถึงประมาณ 6 โมงเช้า (แต่ไปเส้นทางนี้ไม่แนะนำนะคะ ทางที่ดีไปลงเชียงใหม่ค่ะ แล้วติดต่อรถตู้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยม่อนจอง เค้ามีบริการรถรับส่งจากเชียงใหม่ค่ะ ราคาเท่าไหร่ต้องลองถามดูคะ 089-5596486) 

         สุดท้ายแล้วเราก็มาถึงบ้านเพื่อนตอน 9 โมงเช้าของวันที่ 4 ก.พ.60 โอ้ววววมันสายมาก  เลยแอบคิดแผนสำรองถ้าไปไม่ทันจะทำไง เพราะส่วนใหญ่แล้ว เค้าให้ไปถึงศูนย์บริการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง ก่อนเที่ยง จากที่อาบน้ำแล้วก็ทานข้าวเสร็จ เพื่อนก็ขับรถจากต.แม่สอย ไปอ.อมก๋อย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ไปถึงที่ศูนย์บริการท่องเที่ยวเที่ยงงงงง แล้วก็ไม่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะให้เราอาศัยไปหารค่ารถด้วยเลย 

คือการไปดอยม่อนจอง ต้องนั่งรถสำหรับเข้าไปยังจุดเดินเท้า ประมาณ 15 กิโลเมตร และเดินเท้าอีก 6 กิโลเมตร และที่สำคัญสัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยมีเราต้องเช่ารถชาวบ้านคะเป็นรถ 4 WD และจ้างลูกหาบสำหรับขนของไปให้เรา แต่ถ้าไม่จ้างก็แบกเองได้คะ (ต้องอึดมากและแข็งแรงหน่อย) ลูกหาบ 1 คนขนได้ประมาณ 20 กิโลกรัมคือทั้งรถทั้งลูกหาบเป็นแบบเหมาไป-กลับคะ  กลับมาแล้วค่อยจ่ายตังค์
ค่าเช่ารถ 1-5 คน 2,500 บาท 6-10 คน 3,000 บาท 
ค่าลูกหาบคนละ 600 บาท  
ค่าเข้าคนละ 20 บาท
ค่ากางเต๊นท์หลังละ 50 บาท

เราก็ช่างใจ เพราะไปกับเพื่อนแค่2 คน กะว่าหาเพื่อนเอาข้างหน้า แต่ถ้าไม่มีใครมาจะไป 2 คนมั๊ยหรือกลับดี แต่ก็รอซักพัก มีรถคันหนึ่งเข้ามา มากัน 4 คน เย้ๆๆๆ เราเจอเพื่อนแล้วววววว เลยเข้าไปคุยด้วยและขอเที่ยวด้วยกันโดยเราก็แชร์ค่ารถกัน ตั้งแต่นั้นก็ได้รู้จักกัน เดินด้วยกัน กินด้วยกัน นอนเต็นท์ช้างๆกัน ถ่ายรูปให้กัน

เส้นทางฮอด - อมก๋อย ถ้าใครชอบเมารถบอกเลยว่า อาจจะมีอ๊วกได้

 

ระหว่างทาง ก็เจอวัวเดินข้างๆและกลางถนนเลย ขับช้าๆนะคะ 

 

ในตัวอำเภออมก๋อย แต่ยังไม่ถึงคะ ไปอีกค่ะ 

 

บ้านมูเซอปากทาง ต.ม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยม่อนจอง

 

มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เค้ากำลังขึ้นรถไปกัน แต่เราก็รอต่อไปคะ

บรรดาเหล่าลูกหาบ มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เป็นชาวปกาเกอะญอ บ้าง กะเหรี่ยงบ้าง ช่วงเวลานี้ดูวุ่นวายมาก

 

ซักพักเราก็เจอเพื่อนคะ เค้ามา 4 คน เรามีกัน 2 คน รวมเป็น 6 คน เลยขอตามเกาะไปด้วยนะคะ นี่แหละเสน่ห์ของการเดินทางคือการได้รู้จัก เพื่อนร่วมทาง

เราต้องนั่งรถไปยังจุดเดินเท้าอีกประมาณ 15 กิโลเมตรได้ ระว่างทางก็คุยกับลูกหาบไป เค้ามีรายได้วันละ 600 บาท จากการหาบของ ลูกหาบเค้าจะหาบของไปให้เราถึงที่เรากางเต๊นท์และกลับพร้อมกับเรา ช่วงที่เค้าไม่ได้เป็นลูกหาบก็จะทำไร่ ปลูกกะหล่ำและมะเขือเทศ เพราะดอยม่อนจอง เปิดให้ขึ้นแค่ช่วงเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ จากนั้นก็จะปิด เนื่องจากที่นี่เป็นป่าที่สมบูรณ์มาก ยังมีสัตว์ป่าค่อนข้างเยอะ และช่วงมีนาคม เมษายน อาจจะเปิดไฟป่าได้ และช่วงหน้าฝนก็อันตราย 

หน่วยรักษาพันธฺ์สัตว์ป่าอุ้มหลอง จุดนี้จะเป็นจุดตรวจบัตร เข้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอมก๋อย และต้องนั่งต่อไปอีกคะ

นี่แหละสภาพถนนที่เราต้องนั่งรถเข้าไป มีบางจุดค่อนข้างหวาดเสียว เพราะด้านหนึ่งคือเหวเลยอ่ะ บางจุดต้องขึ้นเขาค่อนข้างชัน แข็งใจไว้คะ แล้วมันจะโอเค 

จุดเริ่มต้นของการเดินเท้า แค่เริ่มต้นก็ต้องเดินขึ้นแล้วคะ พร้อมคะ

ไม่แปลกคะ ลูกหาบเค้าเดินเร็วมาก นำไปเลยคะ เราก็เดิน 2-3 ก้าวพัก 5555+

และเราต้องมีไม้ค้ำ สำหรับเอาไว้ช่วยในการเดินตอนขึ้นเขา

 

 

นั่งนึกอยู่ซักพัก เราจะขึ้นไปยังไง แล้วเราจะขึ้นไปได้มั๊ย เค้าเรียก ลานหินช่อ

 

เพื่อนกลัวความสูง แต่เพื่อนก็ปืนคะ

 

ตรงนี้น่าจะครึ่งทาง ระหว่างทางเดินไปม่อนจอง

ระหว่างทางที่เราชอบมากคือ ดอกไม้สวยๆ ไม่รู้จักชื่อซักดอก แต่เห็นแล้วชอบจัง

เดินมาซักพักใหญ่ ตรงนี้คือ ดอยหมาหอบ หรือ ดอยวัดใจ ตอนแรกไม่รู้ทำไมตั้งชื่อนี้ ลองเดินขึ้นล่ะ หอบจริงๆ

นี่ตอนขึ้น ดอยหมาหอบ

ขาลง กลัวกว่าอีกค่ะ กลัวสไลด์ลงไปเลย ต้องดูจังหวะดีๆ

พอเดินข้ามผ่านเขาลูกนี้ไปเราก็เจอกับ 

 เจอกับลานหญ้าสีทอง ที่เค้าเรียกว่า ดอยม่อนจอง แล้สก็ไกลๆนั่น หัวสิงห์ (เสียดายไปไม่ถึง)

แล้วเราก็เดินลงมาหน่อย มีต้นไม้ใหญ่ มีที่สำหรับให้เรากางเต็นท์ แล้วลูกหาบก็ก่อไฟ ไว้กันหนาว ไว้ให้เราย่างลูกชิ้น 5555

ที่นี่มีห้องน้ำนะ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าซักคน เอาแบบเข้าป่าเลยดีกว่า แล้วก็ไม่มีห้องน้ำให้อาบ มีลำธาร น้ำก็พอมีที่จะให้ล้างหน้าล้างตาได้บ้าง แล้วเราก็อาบน้ำด้วยทิชชู่เปียก 55555+ แค่คืนเดียวไม่เป็นไรเน้อ อีกอย่างอากาศมันหนาว ถึงมีน้ำก็คงไม่อาบ อิอิ

 

กางเต็นท์เสร็จก็ กลับขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตก อยากบอกว่ามันสวยมากคะ แต่ถ่ายรูปมาอาจจะไม่สวย

ตอนพระอาทิตย์ตกเห็นขอบฟ้าเป็นสีแดงสวยมากกก

 แล้วยังได้คุยกับอ.ท่านหนึ่งที่ทำงานเกี่ยวกับด้านดาราศาสตร์ ได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับดวงดาว ทำไมเรานึกถึงตอนเด็กๆที่อ.ให้มานอนรวมกันหน้าหอ แล้วเอาแผนที่ดาวมาสอน มันสนุกมากกกกก แล้วตอนเช้าประมาณตี5เราก็ได้เห็นทางช้างเผือก มันสวยมากเท่าที่เคยเห็นดาวมาก อยากจะเอามือคว้ามาซักดวง

 

ตอนเช้าก็ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น

พระอาทิตย์ขึ้นและตก สวยแตกต่างกัน 

เราจะเดินไปที่หัวสิงห์ แต่ก็ไปไม่ถึงคะ ^_^

มันสายมากแล้ว เลยเดินลงดอยกันดีกว่า


ขอบคุณและยินดีที่ได้รู้จักกับเพื่อนร่วมทางทุกคน หวังว่าเที่ยวทริปต่อไปจะได้เที่ยวด้วยกันอีกนะคะ