มันคงเป็นสถานที่ที่จะอยู่ในใจฉันไปอีกนาน และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน

 ก็ยังคงไม่ลืมพระจันทร์ในคืนนั้น

 ยังคงเก็บความรู้สึกที่ได้สัมผัสหมอกอย่างเต็มอิ่ม

 

 

และมันยังคงเป็นทริปที่ยาวนานเสมอ สำหรับการท่องเที่ยวของผมกับเพื่อน เพราะมันกินเวลายาวนานพอกับการไปเที่ยวต่างประเทศได้ครั้งนึงเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม มันทำให้เราได้ซึมซับความเป็นชนบทจนบางครั้งกลับมาก็ยังต้องปรับตัวกับสังคมเมืองใหม่ ผมจึงชอบไปอยู่กับธรรมชาติ ไปอยู่กับชนเผ่าพื้นเมือง และมันก็ทำให้เรานั้น อยู่กับปัจจุบัน ที่ไม่มีอัตตา ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต

 

 

การเดินทางทุกครั้งมักจะสอนเราได้ในหลายแง่มุม จนทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้น การท่องเที่ยว ถ้าเราเร่งรีบเกินไป ก็จะไม่ได้ซึมซับและเห็นความสำคัญของสิ่งนั้นๆ ถนนที่ทอดยาวจากนนทบุรีบ้านเกิดของผม ไม่นานักเราก็มาแวะพักที่เขื่อนภูมิพล  มันเป็นเส้นทางที่ไม่ไกลนักถ้าเทียบกับคนที่ท่องเที่ยวเป็นประจำ  แต่มันคงไกลพอที่ทำให้ผู้คนทั่วไปเมื่อยล้าได้เลย

 

 

ในวันที่เขื่อนภูมิพลนั้นไร้ซึ่งนักท่องเที่ยว และท้องถนนนั้นเสมือนมีแต่รถของผมคันเดียว ปั้มต่างๆที่เคยคึกคักกลับเงียบเหงาเสมือนไม่มีผู้คนสัญจร

มันก็คงไม่แปลกสำหรับผม เพราะเราเดินทางในช่วงวันธรรมดา 26-31 ธ.ค. 59

 

 

การเดินทางย่อมมีจุดหมายทั้งนั้น ออกจากเขื่อนมุ่งหน้าไปตามเส้นทาง 108 แม่สะเรียง - แม่ฮ่องสอน ไม่นานนักเราก็มาถึงถ้ำอุสุ

 

 

ไกด์ท้องถิ่นพาเราลุยน้ำเข้าไปในความมืด และพาชี้ให้ดูถึงจินตนาการต่างๆตามความคิดของผู้คนถึงหินงอกหินย้อยที่มีลักษณะคล้าย

สัตว์น้อยใหญ่ บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าของบางอย่างถ้าไม่ได้จดจ่อ แล้วเราจะเะจอความสวยงามของมันได้อย่างไร โลกที่อยู่ในถ้ำนี้มันสวยงามจิงๆ

ทุกสิ่งดูเสมือนของล้ำค่า เพราะมันเปล่งประกาย แวววับมาก

 

 

ยังไงก็ตาม เราก็คงต้องเดินทางต่อไป ยังไม่รู้หนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีรถยนต์คันเก่งของเราก็ได้วิ่งทอดตัวอยู่ตามโค้งถนน ที่เมื่อก่อนนี้ แทบไม่มีผู้คนที่จะกล้าขับถนนสายนี้ เนื่องจากข่าวต่างๆ และเหตุผลหลายประการ  ทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงที่จะใช้เส้นทางอื่น ด่านตรวจที่ตั้งถี่เหมือนกับลูกระนาดในซอยแคบ ก็คงจะพอให้เราสบายใจได้พอสมควร

 

แล้วเราก็มาถึงจุดหมายที่มีชื่อว่า อุทยานแห่งชาติแม่งาย ใครจะไปรู้ว่าการกางเต๊นท์ริมแม่น้ำที่มีชื่อว่าสาละวิน จะรู้สึกสบายเช่นนี้

มันทำให้เราได้อยู่กับตัวเรา ไม่มีทีวี ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ จึงทำให้รู้ว่าคนรอบตัวเรานั้นแหละสำคัญที่สุดแล้ว การได้นั่งพูดคุยกันตา่มประสาเพื่อนฝูง มันคงเหมือนการได้เพิ่มพูนมิตรภาพให้แก่กันมากขึ้น

 

 

และความจริงก็ปรากฎในวันรุ่งขึ้นเมื่อ รถ 4WD ที่มีสภาพเหมือนจะไม่ใช่รถก็มารับเรา มันคือรถที่จะพาเราไปยังจุดหมายที่เราเฝ้าใฝ่ฝัน

สภาพถนนนั้นเอาเป็นว่า รถ 4WD คงต้องร้องขอชีวิตแน่นอน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรถของเจ้าหน้าที่ถึงมีสภาพเช่นนี้ จากคำเล่าขานว่ามีรถยนต์จากกรุงเทพฯ ขึ้นมาแล้วตกเขาไปไม่รู้กี่คันแล้ว มันทำให้อาหารเช้าที่เรากินมาอย่างอิ่ม ได้ย่อยสลายไปกับการนั่งรถเพียงชั่วโมงเศษ

 

 

การเดินเท้าได้เริ่มต้นขึ้น บางทีมิตรภาพระหว่างทางมันสำคัญกว่าการเดินทางและจุดหมายซะอีก การเดินทางท่องเที่ยวบ่อยๆนั้นคงจะน่าเบื่อน่าดูถ้าไม่มีมิตรภาพที่ดีระหว่างทาง

 

 

มันคงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักเดินป่ามือสมัครเล่น เพราะส่วนใหญ่จะเดินอยู่บนสันเขา จะบอกว่าไม่เหนื่อยเลยก็คงเป็นไปได้ในการท่องเที่ยวที่เรียกว่าTrekking แต่ระหว่างทางที่มีวิวสวยๆนั้น จะเป็นยาแก้เหนื่อยได้ดี จะเป็นสิ่งที่ลบความคิดว่า เมื่อไหร่จะถึง อีกไกลไหม ออกจากความคิดเรา การเดินป่ามากแน่นอนว่าต้องมีประสบการณ์ มันเป็นการรู้ตัวเองว่าควรต้องเก็บแรงไว้ช่วงไหน ควรต้องหยุดพักบ่อยแค่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรามีจุดหมายเดียวกันต่างหาก

 

 

ไม่มีใครรู้ว่ายอดเขานั้นสวยเพียงได้หากดูได้เพียงแต่รูปถ่ายเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เราได้พบเจอกับความจริงคือสองน่องของเรากับหัวใจที่เต้นแรงราวกับกลองเชิดสิงโต

 

 

เมื่อเราเดินป่ามานานเราจะรู้ว่าอะไรที่จำเป็นและควรติดตัวไป ยิ่งมีประสบการณ์ กระเป๋าเราก็จะใบเล็กลงเรื่อยๆ เชื่อไหมว่าครั้งนึง ผมเดินป่าครั้งแรกเลย

ไปที่เนิน 1408 อุทยานแฟ่งชาติภูสวนทราย มันเหลือเชื่อที่ครั้งนั้นเพื่อนผมแบกแบตเตอรี่ขึ้นไปเพียงเพราะกลัวไม่มีไฟใช้ เมื่อกลับมานั่งย้อนคิดเรื่องราว มันก็คงตลกอยู่ไม่น้อย คงจะจริงที่ว่าการเดินทางจะช่วยสร้างประสบการณ์ให้กับเราอย่างมากมายโดยที่เราไม่รู้ตัว

 

 

คงจะบอกไม่ได้ว่าจุดนี้เป็นจุดกางเต๊นท์ที่วิวสวยที่สุดมั้ย เพราะพรุ่งนี้ยังไม่รู้จะเจอกับอะไรอีมากมาย รู้แค่ว่าอยากจะขอบคุณในความอดทน ที่แบกตัวเองขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ ดอยปุยน้อย ซึ่งที่นี่อาจจะยังไม่ใช่จุดสูงสุด แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้รู้ว่า ข้างหน้ามันต้องสวยกว่านี้แน่นอน

 

 

กล้ามเนื้อที่ขาทำหน้าที่ของมันเสมือนที่เคยเป็นมา มันคงจะอ่อนล้ามาก แต่ทว่าจิตใจเราอยู่เหนือร่างกายแล้ว อะไรๆก็จะง่ายขึ้น

 

 

บางเส้นทางเราควรเดินอ้อมแต่ไกล ดีกว่าฝืนตัวเองไปในทางที่ชันแต่ใกล้กว่า เพื่อที่จะเก็บแรงไว้ขึ้นเขาอีกหลายลูก เพราะเมื่อในที่สุดแล้ว

ทางเส้นนี้ก็บรรจบกันอยู่ดี มันเป็นการสอนการใช้ชีวิตได้ดี เมื่อเราเจอปัญหา เราไม่ควรถอย แต่จงหาทางที่จะผ่านมันไปให้ได้ ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม

 

 

บางครั้งเราก็จดจ่อกับการเดินมากเกินไปจนทำให้หลงลืมที่จะเงยหน้ามองฟ้า มองต้นไม้ใหญ่

และนี่ก็คงกล้วยไม้ป่าที่หายากอีกชนิดหนึ่ง ชื่ออันงดงามของมันคือ รองเท้านารี

 

 

 

เราควรที่ลองออกไปมองโลกที่แตกต่างกับคนอื่นๆเค้าบ้าง โลกที่ไม่ใช่หน้าจอสี่เหลี่ยม

แต่มันเป็นโลกใบกลมๆที่มีรอยยิ้มของผู้คนรอเราอยู่

 

 

และจุดหมายที่หมายมั่นก็มาถึง มันคงเป็นยอดดอยปุยหลวง ที่มีผู้คนเอ่ยปากถึงความสวย มาแล้วนับไม่ถ้วน

มันคงจะจริงอย่างเค้าว่า เวลานี้คงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้นั่งอยู่หน้าเต๊นท์ และดื่มด่ำกับมันอย่างเต็มที่

 

 

มันคงจะดีไม่ใช่น้อยถ้าหน้าบ้านเราเปิดประตูออกมาก็เห็นพระอาทิตย์ตกดินทุกวัน

 

 

และคงไม่มีอะไรที่โชคดีไปกว่าการได้อยู่บนยอดเขาในวันที่พระจันทร์ใกล้โลกมากที่สุด

ถ้ามันเป็นฝันก็คงเป็นฝันที่ไม่อยากตื่น แต่ถ้ามันคือความจริงก็คงเป็นความจริงที่ไม่อยากหลับ

 

 

 

และมันก็คงจะดีไม่น้อยที่ตอนเช้ามีหมอกมาทำงานตามเวลาของมันทุกวันหน้าประตูบ้าน

 

 

นั่งมองทะเลหมอกอยู่นาน มันเคลื่อนตัวผ่านหุบเขาแล้วหุบเขาเล่า ตามแรงขับเคลื่อนที่เรียกว่ากระแสลม ซึ่งไม่ได้พัดเพียงแค่หมอกเท่านั้น

แต่ยังคงนำพาความหนาวเย็นมาปะทะที่ใบหน้าจนเย็นเฉียบ

 

 

มันคงไม่มีอะไรที่จะลำบากใจเท่ากับการต้องบอกลายอดดอยอันสวยงามเช่นนี้

 

 

กล้ามเนื้อที่ได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ก็ได้กลับมาตึงและแข็งอย่างที่เคยเป็นมาอีกครั้ง มันจะเป็นทุกย่างก้าวที่น่าจดจดจำ และเป็นประสบการณ์ที่มาเติมเต็มในชีวิตของการเดินทาง

 

 

หลังจากเดินลงมาจากดอยปุยหลวงแล้วนั้น ผมตัดสินใจที่จะไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่บอกใครไปแทบไม่มีใครรู้จัก และมันก็เป็นสถานที่ที่สวยมากเลยทีเดียว นั่นก็คือ "หน่วยจัดการต้นน้ำขุนห้วยโป่ง" มันเป็นที่ที่สงบ เงียบ รอนักท่องเที่ยวมาเยือน แต่ทว่า ถ้าเป็นถนนคอนกรีตก็คงมีผู้คนหลั่งไหลอย่างไม่ขาดสายแน่นนอน แต่ที่นี่ต้อง 4WD เท่านั้นนะครับ

 

 

มันแทบจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น เพราะด้านบนนี้ถึงจะมาลำบากยากเย็นเพียงใด ก็ยังไม่ทิ้งความศรัทธาในศาสนา

ซึ่งผู้คนเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า โฆ๊ะ ผะ โด๊ะ

 

 

 

และมันก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะกลับบ้านไปในตอนนี้ เพราะใกล้ๆกันก็มีสถานที่ที่สวยงามไม่แพ้กันอีที่หนึ่งก็คือ "หน่วยจัดการต้นน้ำดอยเปเปอร์"

และที่นี่คงจะเป็นคืนสุดท้ายสำหรับทริปนี้ของเรา

 

 

 

อย่างไรก็ตาม เราก็คงต้องใช้ชีวิตในสังคมเมืองที่มีแต่ความวุ่นวายกันต่อไป สังคมเมืองที่ผู้คนตั้งหน้าตั้งตาหาเงินเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จนหลงลืมที่จะเติมความสุขให้กับชีวิต

 

 

"จงออกไปดูโลกในแบบที่มันเป็น แล้วสิ่งที่เราเคยเห็นจะเปลี่ยนไป"

ในการรีวิวนี้ ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคับ

เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ช่วยกันติดตามเพจด้วยนะคับ ท่านจะได้เห็นภาพวิวทิวทัศน์ทีี่สวยงามอีกมากมาย

https://www.facebook.com/MRBonnsphotography/?fref=ts