หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เราก็มาถึง ขัวลาว – ญี่ปุ่น หรือสะพานมิตรภาพลาว – ญี่ปุ่น ข้ามแม่น้ำโขงไปยังเมืองเอกของแขวงจำปาศักดิ์ “ปากเซ”
เช็คอินกันที่ โรงแรมสีสุก นอนในตึกเก่าสุดคลาสสิค สูดกลิ่นอายสมัยอาณานิคม ห้องพักมีสองแบบ ขนาดเล็กและใหญ่ ในห้องตกแต่งด้วยภาพลายเส้นยุคสำรวจอาณานิคม สร้างบรรยากาศโบราณขึ้นไปอีก
ด้านล่างมีร้านกาแฟสีหนุก อีกหนึ่งยี่ห้อกาแฟดังของลาว (แพงหน่อยนะ) แต่ก็อร่อยทั้งกาแฟ และโกโก้
มุ่งหน้าสู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นั่น มีน้ำตกสวยๆ ที่เกิดจากการพัฒนาโดยคนไทย น้ำตกตาดผาส้วม คำว่าส้วม อย่าเพิ่งคิดไปถึงสิ่งนั้น แต่หมายถึงห้องหอต่างหาก มาจากตำนานที่ว่า ชายคนหนึ่งสร้างห้องหอรอหญิงที่รัก แต่เธอกลับหนีไปกับชายคนอื่น เขาจึงตัดสินใจจบชีวิตลง ทิ้งห้องหอไว้อย่างนั้น
สภาพรอบๆ ร่มรื่น โชคดีที่วันนี้น้ำใส ฝนไม่ตกหนัก น้ำตกจึงสีขาวสวย ไม่เป็นสีแดงน่ากลัวเหมือนที่เคยเห็นในเว๊ป น้ำตกหน้าตาเหมือนไนแองการ่าอย่างไรอย่างงั้นเลย
เดินข้ามสะพานแขวนตามทางไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับอีกน้ำตกหนึ่งคือ น้ำตกตาดมะแงว หรือน้ำตกสองสี ตอนเราไปก็พอมองเห็นว่า ฝั่งหนึ่งเป็นสีน้ำตาล อีกฝั่งเป็นสีขาว แต่เดินเข้าไปใกล้ๆ ยาก แถมมีท่ออะไรวางเกะกะไปหมด ว้า...
ระหว่างทางเข้าน้ำตกสองสี จะมีบ้านต้นไม้ เป็นที่พักของอุทยานบาเจียง นอนกลางไพรก็น่าสนใจนะ
อีกสิ่งที่ห้ามพลาดคือการเยี่ยมเยียนชนพื้นเมืองบริเวณน้ำตก เผ่ากะตู้ ที่ยังคงวิถีชีวิตและการสร้างบ้านเรือนแบบโบราณ เราไปช่วงเย็น เห็นผู้คนกำลังกลับบ้าน แว่วเสียงเครื่องดนตรีพื้นเมืองที่บรรเลงโดยคนพื้นถิ่น อาคารบ้านเรือนที่สร้างอย่างง่ายๆ แต่แฝงรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญ อย่าลืมซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
ค่าเข้าชมทั้งหมด ชาวต่างชาติ คนละ 10,000 กีบ หรือประมาณ 40 บาท
สายน้ำที่ไหลไปลงน้าตกตาดผาส้วม คือ ห้วยจำปี น้ำใสไหลเย็น ชาวบ้านมักจะมาซักผ้า อาบน้ำกันที่ลำธาร เป็นภาพวิถีชีวิตที่หาได้ยากแล้วในปัจจุบัน
กลับเข้าเมืองปากเซ แวะร้านเกตมณี ริมถนนหมายเลข 16 ขายอาหารนานาชาติ อาหารตามสั่ง ส่วนตัวว่าปอเปี๊ยะทอดอร่อยดี
ก่อนนอนเติมของว่างเข้าท้องสักหน่อย Parisien Café เค้กและกาแฟ ในไสตล์ ฝรั่ง + เกาหลี (บิลเป็นภาษาเกาหลี...) ก่อนเข้านอนในคืนที่ฟ้าอากาศเป็นใจ