หากกล่าวถึง แม่ฮ่องสอน แล้ว เป็นอีกหนึ่งจังหวัดในใจ ที่ผมอยากไป แต่ก็หาโอกาสเหมาะๆ ไม่ได้สักที เนื่องจากติดขัดปัญหาเรื่องการเดินทาง ซึ่งโดยส่วนตัว การเดินทางไปไหนแต่ละครั้ง ก็มักจะชอบการขับรถไปเอง จึงต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน
ทริปนี้เกิดขึ้นได้ เนื่องจากมีวันหยุดยาวช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา (16 – 20 ก.ค.59) ซึ่งหยุดติดต่อกัน 5 วัน ประจวบเหมาะกับตัวผมเองยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดีในช่วงนี้ จึงมาตกลงใจได้ข้อสรุปว่า หยุดยาวช่วงเข้าพรรษา เราน่าจะไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนกัน
ผมมีเวลาเตรียมตัวก่อนเดินทางประมาณ 3 วัน ในการหาข้อมูล ส่วนใหญ่ก็ได้แนวทางจากรีวิวต่างๆ ที่มาแชร์ประสบการณ์กัน หน้าที่ในการหาข้อมูลผมยกให้แฟนผมรับผิดชอบ โดยความตั้งใจแรกของเธอ คือ การขับรถเที่ยวไล่ไปตามรายทาง ตั้งแต่เชียงใหม่ ถึง แม่ฮ่องสอน แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น เรื่องที่พัก และระยะเวลาในการเดินทางไปในแต่ละสถานที่ มันไม่สัมพันธ์กัน จึงทำให้ไม่สามารถไปได้ครบทุกที่ อย่างที่ตั้งใจไว้
โปรแกรมท่องเที่ยวคร่าวๆ ที่ได้กำหนดไว้ในทริปนี้ หลักๆ คือ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากแฟนผมจองที่พักในคืนแรกของทริป ได้ที่ ลีไวน์ รักไทย รีสอร์ท ตอนที่โทรไปถามข้อมูล ที่รีสอร์ทฯ ยืนยันว่าที่พักว่างแค่วันเดียว หลังจากนั้นก็เต็มทุกวัน เพื่อความชัวร์เลยต้องรีบคว้ากันเอาไว้ก่อน (ราคาห้องที่ผมพัก คือ 900 บาท) ส่วนสถานที่อื่นๆ ที่เซ็ตกันไว้ตั้งแต่แรกว่าจะไปเที่ยวรายทางก่อนเข้าแม่ฮ่องสอนนั้น ก็เลยมีอันต้องยกเลิกไป เนื่องจากเราจะต้องไปเริ่มต้นกันที่ ลีไวน์ รักไทยฯ เป็นที่แรก
สรุปสถานที่ และแผนการเดินทางฯ ไปแม่ฮ่องสอนของผม มีดังนี้
วันที่ 1 เดินทางจาก กทม. - ลีไวน์ รักไทย รีสอร์ท
วันที่ 2 ปางอุ๋ง, ปางมะผ้า - บ้านจ่าโบ่, พระธาตุดอยกองมู, วัดจองกลาง - จองคำ
วันที่ 3 สะพานซูตองเป้ - อ.ขุนยวม – ดอยแม่อูคอ
วันที่ 4 บ้านห้วยห้อม อ.แม่ลาน้อย
วันที่ 5 เดินทางกลับ กทม.
——————————————《《《 วันที่ 1 》》》——————————————
ล้อหมุนออกจาก กทม. ตอนวันศุกร์ที่ 15 ก.ค.59 เวลาประมาณเที่ยงคืน ก่อนเดินทาง คิดเข้าข้างตัวเองไว้ว่า อาจมีเวลาแวะตามรายทางบ้าง แต่เอาเข้าจริงกลายเป็นว่า ระหว่างทางเจอรถติด รวมเวลาที่แวะพักรถด้วย ทำให้ถึงเชียงใหม่ตอนบ่ายโมงของอีกวันพอดี
ระยะทางคร่าวๆ ที่ดูจาก GPS ต้องใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ในการเดินทางจากเชียงใหม่ถึงจุดหมาย คือที่ ลีไวน์ รักไทย รีสอร์ท หมายความว่า ถ้าจะเข้าที่พักต้องไปให้ทันก่อนเวลา 6 โมงเย็น ตามที่ทางรีสอร์ท แจ้งเตือนมาว่าไม่ควรเข้าที่พักช้าไปกว่าเวลานี้ เพราะความไม่คุ้นชินเส้นทาง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ผมไม่สามารถแวะเที่ยวที่ไหนได้อีกแล้ว ทั้งในเชียงใหม่ และแลนมาร์คสำคัญอื่นๆ โดยเฉพาะ อ.ปาย ได้แค่ขับผ่านแต่ไม่ได้แวะ เนื่องจากจำกัดด้วยเวลา สรุปว่าวันแรกของทริปใช้เวลาอยู่แต่บนรถ ไม่ได้แวะเที่ยวไหนกันเลย นอกจากการแวะปั๊มน้ำมัน เพื่อพักรถ และกินข้าว
ผมมาถึงที่หมายกันประมาณ ห้าโมงครึ่ง หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อย ยังพอมีเวลานิดหน่อย ถือโอกาสเก็บภาพไว้บางส่วน
สำหรับมื้อเย็นผมไปทานที่ร้านอาหาร ลีไวน์ รักไทย เมนูที่เค้าบอกว่ามาถึงแล้วต้องกิน คือ ขาหมูหมั่นโถว เค้าจะเสิร์ฟพร้อมชาร้อน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากไร่ ใครติดใจรสชาติก็สามารถซื้อที่ร้านและรีสอร์ท กลับไปได้ครับบรรยากาศบริเวณรีสอร์ท และพื้นที่ใกล้เคียง
ที่พักของผมครับ ที่พักไม่มีแอร์นะครับ รับอากาศธรรมชาติอย่างเดียว กลางคืนนี่อากาศเย็นใช้ได้ ขนาดไม่ใช่หน้าหนาว
——————————《《《 วันที่ 2 》》》——————————
ตื่นกันแต่เช้า หวังว่าจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่ไม่มีครับ บรรยากาศครึ้มๆ มีฝนตกปรอยๆ ภาพนี้ถ่ายจากหน้าที่พักครับ ในหมู่บ้านไม่รู้ทำอะไรกัน ควันโขมงแต่เช้า
ผมกับแฟนออกไปสำรวจพื้นที่รอบหมู่บ้าน มีนักท่องเที่ยวมากันประปรายแค่ไม่กี่กลุ่ม บรรยากาศสงบมาก ร้านค้าบางร้านก็ยังปิดตัวอยู่ คาดว่าในช่วงฤดูท่องเที่ยว (หน้าหนาว) ถึงจะเปิดครับอาหารเช้าที่ร้านลีไวน์ รักไทยฯ เป็นมื้อเช้าที่แถมในแพคเกจที่พัก มีข้าวต้ม หมั่นโถวทอดและชาร้อน
หลังจากทานอาหารเรียบร้อย กลับมาเก็บสัมภาระ ถ่ายภาพด้านหน้าที่พักอีกนิดหน่อย และออกเดินทางต่อไปยัง ปางอุ๋ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านรักไทยมากนัก บ้านรักไทย โอกาสหน้าจะมาเยือนใหม่ตรงนี้คือซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้านรักไทย ครับ
ที่หมาย 2 ปางอุ๋ง
ปางอุ๋งในช่วงที่ผมไป น้ำยังแห้งอยู่ ทัศนียภาพยังไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ แอบเสียดายนิดๆ อุตส่าห์เดินทางมาไกล ดีนะที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะรู้อยู่แล้วครับว่า ผมมาไม่ถูกที่ถูกเวลาเอง ออกจากปางอุ๋ง ผมเดินทางต่อไปยังอีกที่หมาย คือ บ้านจ่าโบ่ อ.ปางมะผ้าฯ เพื่อไปกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา อันเลื่องชื่อที่นั่นกัน
เส้นทางขึ้นไปบ้านจ่าโบ่ ครึ่งแรกเป็นทางลาดยาง ส่วนครึ่งหลังเป็นลูกรังกำลังปรับปรุงเป็นถนนลาดยาง ร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ติดกับจุดชมวิวเลยครับ เสียดายที่ผมมาขึ้นมาตอนบ่ายแล้ว มีแต่วิวภูเขา ไม่มีวิวทะเลหมอกเหมือนที่เคยเห็นในโซเชียล ก็ยังโชคดีที่ตอนผมไปคนน้อย เลยมีโอกาสได้นั่งตรงจุดนี้พอดี ก๋วยเตี๋ยวก็อร่อยด้วยนะครับ ผมกับแฟนเบิ้ลกันไปคนละสองชาม
หลังจากอิ่มท้อง และอิ่มเอมใจกับบรรยากาศ ก็เดินทางกลับไปหาที่พักใน อ.เมืองฯ ระหว่างทางกลับแวะถ่ายรูปตรงจุดชมวิวปางมะผ้า และไปดูถ้ำปลา (แต่ว่าไม่ได้ถ่ายรูปมา)
ผมหาที่พักในตัว อ.เมือง ได้ในราคาประหยัด หลังจากจัดแจงเอาสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อย ก็ออกไปไหว้พระ สักการะพระธาตุดอยกองมู แต่ว่าเจอฝนตก อยู่ได้ไม่นานต้องกลับ ก่อนเข้าที่พักผมแวะไปถ่ายภาพวัดจองกลาง–จองคำ ก็เจอฝนตกอีกรอบ ถ่ายได้แค่ภาพสองภาพก็ต้องหยุด และกลับเข้าที่พัก
วิวบนวัดพระธาตุดอยกองมู
————————————《《《 วันที่ 3 》》》————————————
ผมออกจากที่พักประมาณ ตี 5 ครึ่ง ไปหาของใส่บาตรแล้วมุ่งหน้าไปยังสวนธรรมภูสมะ บ.กุงไม้สัก ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงจากตัวเมืองก็ถึงสถานที่นี้ครับ สะพานไม้ไผ่ซูตองเป้
หลวงพ่อท่านจะออกบิณฑบาตช่วงเช้าเวลา ประมาณ 6 โมง ผมไปทันพอดี
หลังจากใส่บาตรก็เดินเล่นบนสะพาน ดื่มด่ำบรรยากาศ นาข้าวน่าจะเพิ่งปลูกได้ไม่นาน ถ้าใครไปช่วงหลังจากนี้น่าจะกำลังสวยเลยครับ บรรยากาศบริเวณสวนธรรมภูสมะ พระเจ้าพารา ซูตองเป้ งดงามครับหลังจากนี้ก็กลับที่พักไปพักผ่อน และเตรียมตัวเก็บของเพื่อเดินทางต่อกันครับ โดยจุดหมายเราคือไปหาที่พักใน อ.ขุนยวม กันต่อ การเดินทางใช้เวลาพอสมควรครับ ออกจาก อ.เมือง ตอน 11 โมง ไปถึงที่ อ.ขุนยวม ประมาณบ่ายๆ หลังจากได้ที่พัก และเติมพลังกันเรียบร้อย ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ ก็เลยขับรถไปดอยแม่อูคอกัน
ทำใจไว้แต่แรกแล้วว่าไม่น่าจะมีอะไร เพราะไม่ใช่เทศกาลท่องเที่ยว ก็ตามนั้นแหล่ะครับ แต่ก็สวยไปอีกแบบถึงแม้จะไม่ใช้ช่วงดอกบัวตองบาน ภูเขาเขียวๆ นี่มันก็สวยนะครับด้วยความที่เราขึ้นมาเร็วไปหน่อย กะว่าจะมาถ่ายพระอาทิตย์ตกดิน เวลายังเหลืออีกเยอะ ก็ลองขับรถไปที่น้ำตกแม่สุรินทร์ต่อ ตอนผมเข้าไปนี่ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยครับ ได้แต่ถ่ายรูปตรงจุดชมวิวกัน เพราะถ้าจะเข้าไปใกล้น้ำตกต้องใช้เวลาอีกนาน
หลังจากนั้น ก็ย้อนกลับมาเก็บภาพบรรยากาศดอยแม่อูคออีกรอบ ผมมาเจอวิวนี้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินแปบเดียวเกือบพลาดไป ดีที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวมากนัก
อยู่กันจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ตอนขากลับนี่มืดมากครับ กว่าจะถึงที่พักก็ใช้เวลานานพอสมควร
——————————《《《 วันที่ 4 》》》——————————
ตอนเช้าผมออกไปไหว้พระ ซึ่งใน อ.ขุนยวม มีวัดที่น่าสนใจ 2 วัด ครับ คือ วัดต่อแพ กับ วัดม่วยต่อ ทั้ง 2 วัดนี้มีเอกลักษณ์ประจำถิ่น ซึ่งสังเกตเห็นได้ชัดเจนเลยครับ เพราะพื้นที่นี้ประชากรส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทยใหญ่
หลังจากนั้นก็กลับมาทานมื้อเช้า และเก็บของเตรียมตัวเดินทางต่อไปยัง อ.แม่ลาน้อย กันต่อ
การเดินทางจาก อ.ขุนยวม ไป อ.แม่ลาน้อย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่เป้าหมายผม คือ บ้านห้วยห้อม ซึ่งจะต้องเดินทางต่อจาก อ.แม่ลาน้อย ไปอีกเกือบ 2 ชั่วโมง กว่าจะถึงก็ทุลักทุเลพอสมควร ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขา และถนนหนทางที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ก็มาถึงในตอนบ่ายๆ พอดี วันนี้ผมพักที่โฮมสเตย์บ้านห้วยห้อม ซึ่งมี พี่มะลิวัลย์ เป็นผู้ดูแล
ที่โฮมสเตย์ในวันที่ผมไป มีหลายคณะฯ เข้าพัก ใครมาถึงที่นี่แล้วต้องชิมกาแฟสดครับ แก้วละ 20 บาทเอง กาแฟบ้านห้วยห้อมนี่คือต้นทางของกาแฟยี่ห้อดังเลยนะครับ (ผมก็อุดหนุนไปหลายแก้ว แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ )
คุณตาเลอะ ขันเขียว ผู้ริเริ่มก่อตั้งกลุ่มสหกรณ์ชาวไร่ผู้ปลูกกาแฟบ้านห้วยห้อม
สาธิตการปั่นด้ายจากขนแกะ โดยพี่มะลิวัลย์ เด็กน้อยชาวปกากญอ ที่บ้านห้วยห้อม ชาวบ้านสีข้าวไว้กินเองในครัวเรือน วิวด้านหลังที่พัก เป็นนาข้าว เพิ่งปลูกได้ไม่นาน เจ้าแกะน้อย ที่โฮมสเตย์ เชื่อง ติดคน และกินเก่งมากๆ พี่มะลิวัลย์ บอกว่ามันกำพร้า แม่มันถูกหมากัดตาย เลยเอามาเลี้ยงไว้ที่บ้านตั้งแต่เล็กๆ ขึ้นไปสำรวจครัว พี่ๆ กำลังติดไฟทำกับข้าวให้แขกผู้มาเยือนทานกัน แม่ของพี่มะลิวัลย์ อายุเยอะแล้ว แต่ยังแข็งแรงอยู่ มื้อเย็นของเราในวันนี้ หลังมื้อเย็นก็เข้านอนกันไวหน่อยครับ เพราะต้องเก็บแรงไว้เดินทางกลับ กทม.
——————————《《《 วันที่ 5 》》》——————————
ตื่นมาเก็บสัมภาระ เพื่อเดินทางกลับ กทม. ก่อนกลับส่งท้ายด้วยมื้อเช้า ที่พี่ๆ ทำให้ทานกัน ผมตบท้ายด้วยกาแฟสดอีก 1 แก้ว แล้วก็อุดหนุนสินค้าผลิตภัณฑ์จากผ้าทอขนแกะ และกาแฟ (มาถึงแหล่ง ต้องซื้อครับ)
ก่อนกลับขอถ่ายรูปกับคุณตา เป็นที่ระลึก
หลังจากร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางกลับ สำหรับสถานที่ที่ผมไม่ได้ไปต่อคือ โครงการหลวงแม่ลาน้อย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านห้วยห้อมไม่ไกลมาก แต่ต้องใช้เวลาเดินทางพอสมควร คำนวณเวลาแล้ว หากไปต่อ กว่าจะกลับถึง กทม. คงดึกมาก ร่างกายคงจะไม่ไหว เพราะต้องทำงานต่ออีก จึงได้ยุติทริปตะลอนทัวร์ ไว้แค่นี้
จบการแชร์ประสบการณ์ ครั้งแรกกับการเดินทางไกลหลายๆ วัน สนุกมากครับ แต่เสียดายที่ไม่สามารถไปตาม แลนมาร์คสำคัญได้ทุกจุด เพราะอุปสรรคและปัจจัยหลายๆ อย่าง สำหรับใครที่ขับรถไปแม่ฮ่องสอนเอง อย่าลืมแวะไปขอใบประกาศผู้พิชิตไว้เป็นที่ระลึกด้วยนะครับ