CHIANGMAI TRIP‪ : #‎ไปเหอะเชียงใหม่ไปง่าย 3000 เอาอยู่ !

สวัสดีพ่อแม่พี่น้องสายท่องเที่ยวทั้งหลาย ( ฮ้ายยยยยยยยยย )
/// ขอออกตัวก่อนว่านี่เป็น กระทู้แรกก็ว่าได้ที่เป็นทางการและมีสาระ 555555555
นี่เป็นครั้งแรกของการไปเชียงใหม่ การนั่งรถไฟ และการเขียนรีวิวในครั้งนี้
ผิดแผนอยู่บ้าง ยังไงก็ลองอ่านกันดูก่อนนะครับ | แอบงบบานโดยบังเอิญ O.o 

#ไปเหอะเชียงใหม่ไปง่าย3000เอาอยู่ ไปเที่ยวเชียงใหม่ โดยไม่ทันตั้งตัวและไม่สนฤดูการเอาซะเลย ด้วยรถไฟ จากเมืองหลวงสู่ดินแดนล้านนา แค่งบ3000ก็เอาอยู่ ทั้งดอยหลวงเชียงดาวเอย ม่อนแจ่มเอย น้ำตกเอย แกรนด์แคนยอนเอย ดอยอินทนน์เอย เยอะแยะไปหมด ตลอด 5 วัน 4 คืน เลยอะ งบน้อยก็เที่ยวได้แค่ใจอยากไปก็พอแล้ว
ทริปนี้ที่เรkไป ไม่เน้นกิน เน้นเที่ยวตัวเมือง เพราะเราเน้นไปป่าไปเขา ไปสูดอากาศให้เต็มปอด
และเอาหน้าไปปะทะหมอกกัน
 #nininchiangmai by #nininanywhere

><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

ขอออกตัวก่อนนครับ ทริปนี้ ไม่เน้นกิน ไม่เน้นเที่ยวตัวเมือง แต่ทริปนี้จะไปป่าเขา !

 

- ดอยหลวงเชียงดาว ( บ้านระเบียงดาว )

- ม่อนแจ่ม ม่อนตะวัน

- น้ำตกบลาบลา (มีแวะเขื่อนแม่งัดด้วยนะ)

- ดอยอินทนนท์ และในระแวกนั้น

- ระยะทางทั้งทริปเกือบ 700 กิโลเมตร โดยรถเครื่อง (จักรยานยนต์)

- สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป 5 วัน 4 คืน ในจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทยของเรานี่เอง ; P

 



จุดเริ่มต้นของทริปนี้ มันเริ่มจากการไปนั่งร้านนมปั่นใกล้ๆหอกับเพื่อน อยู่ๆเราก็ถามเพื่อนขึ้นมา ว่าไปเชียงใหม่กันมั้ย (แต่ไม่ได้หวังว่าเพื่อนจะไปด้วย) เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น “ ไปดิ " เพื่อนตอบ เฮ้ย ! จริงดิทำไมมันง่ายจังเลยวะ คือเร็วมาก เร็วสุด และกระทันหันสุด และคือไปจริงจริงไม่ติงนัง

วันต่อมาเราก็เริ่มวางแผนทันทีจนเสร็จสรรพ คือได้ฤกษ์ ไปคืนวันที่ ** 09/07 -14/07 ** | ทริปนี้ไม่ได้สนใจดินฟ้าอากาศฤดูกาลแต่อย่างใด ความอยากล้วนๆ // ; พอถึงวันไป วันนั้นตลอดวันมันมีกิจกรรม บลาๆ ที่ต้องทำ ก็เลยยังไม่ได้เตรียมของ เก็บกระเป๋าอะไรทั้งนั้น

ส รุ ป ได้ว่าเราจะไปรถไฟเที่ยว 19.35 น. (ของวันที่ 09/07) แต่ทว่าวันนั้นกิจกรรมมันเสร็จก็ 18.00 น. ละ กว่าจะกลับห้อง กว่าจะเก็บของก็ปาเกือบชั่วโมงแล้ว ก็เลยออกจากห้องเวลา 19.05 น. รีบกันมาก ทั้งวิ่งทั้งเดิน เพื่อมาพบว่ารถเต็ม อ้าว ! (รถไฟเต็ม) เราได้แต่มองหน้ากันแล้วพูดว่า “ ขนาดรถไฟยังเทตูเลยอะ " แบบคือก่อนหน้านี้โดนเค้าเทมาไง เสียความรู้สึกมากอะ ทั้งสองคนเลย ก็เลยกลายมาเป็นชื่อของการเดินทางครั้งนี้แบบอึนๆ

แต่สุดท้ายชื่อมันไม่เป็นศรีมงคลแก่ชีวิตก็เลยเปลี่ยนเป็น ‪#‎ ไ ป เ ห อ ะ เ ชี ย ง ใ ห ม่ ไ ป ง่ า ย 3 0 0 0 เ อ า อ ยู่

หลังจากที่เราถูกรถไฟเที่ยว 19.35 น. เทนั้น เราทำได้เพียงอดทนกับความหนาวในสถานีหัวลำโพง รอรถไฟเที่ยว 22.00 น.

ระหว่างนั้น ก็เลยไปหาของกินกันฆ่าเวลา อิ๊ !    ( ฝากท้องไว้กับ KFC ที่สถานีหัวลำโพง )

(อย่าลืมตุนมื้อเช้าไว้ด้วยนะ เผื่อหิว) แล้วก็กลับมานั่งรอรถไฟเที่ยว 22.00 ซึ่งจะถึงปลายทางตอนเที่ยงของวันพรุ่ง 17 ชั่วโมงอะนะ

 

ก็นั่งแช่ไปดิ๊ ! ชิล ชิล และก็นึกขึ้นได้ว่าทริปที่วางไว้ของพรุ่งนี้ก็พังอะดิ โอ้ย ! ** โอเคจ้า

นี่ยังไม่ทันออกจากสถานีเลยนะเออ ความหายนะก็มารอแล้วอะ


 

การรอคอยก็สิ้นสุดลง รถไฟมาละดีใจจัง 

แต่ดีใจใจดียังไม่ทันไร รถไฟยังไม่พ้นเขตกรุงเทพฯ เพื่อนที่มาด้วยร้องไห้เปื้อนน้ำตาอีกแล้ว

ตลอดการเดินทาง เพื่อนร่วมทางของเราส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และมีนี่กับเพื่อนที่เป็น 2ใน5คน ของคนไทย บนขบวนรถเที่ยวนี้ หุหุ  

><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

{ Day 1 } : หลับเป็นตาย รู้สึกตัวอีกทีแสงพระอาทิตย์ก็สาดส่องมายังโลกแล้วอะ 

(แสงเริ่มไม่เป็นมิตรเพราะมันแยงตาเรา)

แต่รถไฟฉึกฉักยังวิ่งอยู่และพึ่งถึงลำปางครับคุณ อีกชาติหนึ่งนู่นแหละคงถึงเชียงใหม่ แต่จะบอกว่า ในวิกฤตก็มีสิ่งดีดีซ่อนอยู่นาจา คือระหว่างที่รถไฟวิ่งอยู่และตาเริ่มมองเห็นสิ่งรอบข้าง โอ้โห!

 

วิวทิวทัศน์ ภูขงภูเขามันโอ่อ่าอลังการดีแท้ (ชอบมากเพราะสวยมาก) ยิ่งตอนที่รถไฟวิ่งข้ามสะพานเชื่อมที่ข้างล่างเป็นเหวอะนะ ยิ่งตื่นเต้น ใจนี่เต้นตุบตุบเล้ย ทว่าถ้านั่งเครื่องหรือรถนอนมา ก็คงจะไม่ได้เห็นอะ รู้สึกดีใจ


><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

| ตัดภาพมาที่เชียงใหม่ เวลา 12.15 น. ถึงที่หมาย (ขอบใจเด้อ) ถึงซะทีเถอะ ลงรถปุ๊บสิ่งแรกที่ทำคือ ถ่ า ย รู ป

แวะเข้าห้องน้ำห้องท่าแป๊ปนึง ก็เดินหารถไป ร้าน Bikky Bike ที่ขนส่งอาเขต

ได้ลุงตุ๊กตุ๊กใจดีไปส่งในราคา 70 บาท  ; (เผื่อใครหาได้ถูกกว่านี้ แต่เออไปไปเถอะ เดี๋ยวเสียเวลาไปท่องเชียงใหม่)
ไปถึงร้าน เค้าบอกรถหมด เหลือ 2 คัน เค้าถามเอาคันไหน ? สุดท้ายได้ Filano 125CC (ขึ้นเขาแนะนำสุด โดยเฉพาะอีบ้านระเบียงดาวนะ ไม่อยากบรรยาย ถ้าอยากรู้มาดูเอาเอง) เออได้มาในราคา เช่าวัน 300 บาท แต่นี่เช่า 4 วัน รวม 1200 แต่สมัครสมาชิกพิเศษ (ไปดูในเว็บเอาเอง) ลดวันละ 25 บาท รวมลด 100 สุทธิจ่าย 1100 บาทสำหรับค่าเช่ารถ น้ำมันเต็มถึงว่างั้น (ตอนเอามาคืนต้องน้ำมันเท่าเดิม) ได้รถปุ๊บแว้นปั๊บ ตรงดิ่งไป แกรนด์แคนยอนที่หางดง ด่วนๆ ถึงปุ๊บ เย่ ! ดีใจจัง พอเข้าไปปั๊บ โอ้โห ฝรั่ง ฝรั่ง ฝรั่ง คน คน คน คน คน เยอะแยะไปหมด
สรุปได้ถ่ายรูปไก่กามาไม่กี่รูปเอง 

(น้องของพื้นที่ในการชักภาพด้วย) คือเค้าแห่ไปเล่นน้ำกันไง อากาศมันร้อน แต่นี่ว่ายน้ำไม่เป็น ก็เลยอดไป ส่วนคนที่หวังจะไปถ่ายรูปแล้วอยากได้โอกาสตรงนี้แนะไปช่วง 4-5 โมงแต่เค้าปิด 17.30 น. นะเออ ค่าเข้า 50 บาทครับคุณ

(เอาจริงก็ไม่มีอะไรแถมค่าเข้าก็แอบแพง ถ้าไม่เล่นน้ำคือไม่คุ้ม / คหสต )

 

และเนื่องจากมันไม่มีอะไรมาก ก็เลยรีบไปดอยหลวงเชียงดาวดีกว่า เพราะคืนนี้ต้องค้างที่นั่น บึ่งรถเครื่องไปจ้า 103 กิโลเมตรแบบน่ารักๆ 

พร้อมกับการต้อนรับของเมฆฝน งานฝนตกก็มา คิดในใจอยู่ว่าจะรอดไปถึงที่พักมั้ยนะ แม้ฝนจะตกแต่ด้วยกลัวว่าทริปพังก็ดั้นด้นที่จะไปต่อ (มีความมานะยิ่งที่จะไปนะเออ) นี่ออกจากแกรนด์แคนยอนตอน 15.30 น. ขับเรื่อยๆพร้อมฝนตกเป็นระยะ ถึงบ้านระเบียงดาวเพลา 18.10 น. นานสุดเพราะฝนตก ทางที่พักก็ดี๊ดี โทรตามเป็นหมีแพนด้า(ช่วงๆ) ที่ต้องโทร. เพราะทางขึ้นมันค่อนไปข้างลำบากและอันตราย คือถ้าหลุดโค้งน่าจะลงเหวทันที (กรุณาบีบแตรทุกโค้ง อันนี้สำคัญสำหรับรถเล็กและรถใหญ่) ในที่สุดก็ถึงที่พักซักที  พอเก็บข้าวของเสร็จเค้าก็เรียกมาทานข้าวเย็นเลย คือ มีไข่เจียว แกงจืดฟักเต้าหู้ ผักลวกน้ำพริก และผัดผัก  (อร่อยนะจ๊ะเพราะนี่ทานหมดเลย) ตอนทานข้าวฝนก็เทมาอีกรอบนึงชุ่มฉ่ำไปดิ
**ลืมบอกตรงอุทยานดอยหลวงเชียงดาวมีค่าเข้าคนละ 20 นะ
ทานข้าวเสร็จอาบน้ำนอน อากาศดีไม่มีพัดลมไม่ต้องใช้แอร์ใช้แต่ผ้าห่มและยาทากันยุง 8>

><><><><><><>><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

 

{ Day 2, } ; นี่ตั้งนากาปลุก 05.00 น. รีบตื่นนะจ๊ะ แหกขี้หูขี้ตาขึ้นมาดู หมอกมันเคลื่อนเข้าช่องเขาตรงหน้าที่พักอะ อีตรงจุดที่มีม้านั่ง คนฮิตๆไปถ่ายรูปนั่นอะ อีหมอกนั่นจะขึ้นมาแค่ตอนเช้ารอบเดียว และรีบถ่ายรูปนะ ก่อนมันจะฟุ้งและลอยเข้าหาตัวเรา (หูว์ มันดีย์จริงๆ) และหายไปเลย 

ใครตื่นสายก็เสียใจด้วยนะจ๊ะ (โคตะระพลาด) อดเห็นจุดพีคของบ้านระเบียงดาว มันสวยจนสุดจะบรรยาย ทั้งภูเขาที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเอย หมอกเอย สุดๆไปเลย อิ๊ ! เอออาหารเช้าเป็น กาแฟโอวัลติน กับโจ๊กหมูร้อนๆ พร้อมชาอีก 1 กา  หลังจากดื่มด่ำจนถึงจุดต้องจาก ก็ปาไป 9.30 อะนะ รีบแจ้นไป ม่อนแจ่มซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของวันนี้ ใช้ถนนเส้น 107 นั่นแหละ ตรงลงมา เลี้ยวขวา แต่ก่อนถึงจะม่อนแจ่มนี่บังเอิญเห็น ป้ายเขื่อนแม่งัด เลี้ยวซ้ายไป 10 กิโล แวะเลยจ้าไม่รีรอ สวยอยู่นะถ้าใครมีเวลาชอบเขื่อนชอบน้ำก็มานะ มีแพพักริมน้ำในเขื่อนด้วย  ต่อจากนั้นมุ่งหน้าไปม่อนแจ่มต่อ ทางขึ้นค่อนข้างชันไม่นิดนึงคือชันมากโปรดระมัดระวังดีดี หลุดโค้งก็ลงเหวเช่นกัน ก่อนถึงม่อนแจ่มจะมีม่อนต่างๆนานา แต่แนะนำให้ไปม่อนแจ่มก่อน เพราะมันแจ่มสมชื่อ แจ่มสุด  
/ / หมอกนี่หงอยเชียว หมอกดีเห็นชัดเจน ลอยพุ่งเข้าหาตัวเราเป็นระยะ ยังกะอยู่ Silent hill 5555555  

(หมอกเยอะจริง แต่มีเยอะกว่านี้ อ่านต่อไป) หลังจากเดินดุ่มๆ แถวนั้นถ่ายรูปไก่กาซักพัก เริ่มหิวก็เลยจัด สุกี้แห้งผักจากโครงการหลวงหนองหอย (คือโนเนื้อสัตว์ เปรี้ยวมากและเผ็ดสุด) ราคา 80 บาท มีของกินอื่นๆด้วยนะ จะเป็นกับข้าวก็มีนะ

\ \ ระหว่างนั้นฝนก็เทลงมา เทลงมา เทลงมา บวกกับแบตมือถือกำลังจะหมด ก็เลยนั่งชาร์จไฟแป๊ปนึง จน 15.20 น. เลยตัดสินใจย้ายแหล่งไปม่อนอื่น อีกม่อนคือ ม่อนตะวัน แต่ทว่าอีม่อนตะวันกำลังต่อเติมและรีโน โมดิฟายอยู่ คือไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่(แต่ก็อยากให้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง) แต่ก่อนถึงม่อนตะวันนะ มันจะมีจุดชมวิวซึ่งไม่รู้ชื่อจุดอะไร สงสัยคงชื่อจุดชมวิวนั่นแหละข้างๆศาลาชมวิว มีเสาสัญญาณของทรู คลื่นทรูจึงเต็มและเร็วจี๊ดจ๊าดมาก live facebook อัดคงอัดคลิปไปอวดชาวบ้านชาวช่องได้สบายๆเลยจ้า (จุดชมวิวคือพีคและขอดอกจันทน์ไว้อีกที่) จากนั้นมันก็ไม่ค่อยมีที่ไปต่อแล้วม่อนต่างๆก็เฉยๆสำหรับนี่ (คหสต)

**ขออวย บ้านระเบียงดาวหน่อยนะ ที่นี่เค้าอยู่กันน่ารักมาก สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของความเป็นเครือญาติ ทำให้รู้สึกเหมือนเค้ากำลังดูแลเราเหมือนคนในครอบครัว (ดูเว่อไปปะ แต่รู้สึกแบบนั้นจริง) พูดแล้วก็คิดถึง ช่วงเวลานั้นกับการตื่นมาแต่เช้าเพื่อรอดูหมอกมันเคลื่อน อากาศเย็นเย็น บวกกับกลิ่นกาแฟตอนเช้า มันโคตรฟิน มันอิ่มอกอิ่มใจ ไงไม่รู้บอกไม่ถูก รู้สึกอินหนักมากและอิจฉาคนที่อยู่ที่นั่นหนักมาก ชีวิตเค้าดีนะเนอะไม่ต้องเร่งรีบแบบวิถีคนเมือง

ต่อต่อ / สุดท้ายไม่รู้จะไปไหนกลัวค่ำก่อนก็เลยกลับเข้าเมืองดีกว่า ระหว่างทางลงเขา จะมีสวนพฤกษศาสตร์อยู่ขวามือ ปิด 16.30 น. รีบมากไม่มีรูป(เสียใจเล็กน้อย) ค่าเข้า นักศึกษา 40 บาทลด 50% ผู้ใหญ่วัยโต 50 บาท ขับลงมาอีกนิดนึงมีน้ำตกมาสาน้อย และน้ำตกแม่สา แต่เขตน้ำตกปิด 16.30 น. เช่นกัน สรุปว่าอดจ้า ต้องจำยอมกลับเมือง คืนนี้(คืนที่2) เราพักที่ Your space hostel ราคาน่ารักเริ่มต้น 150 บาท (หาข้อมูลเอาโลด) ห้องพัดลมนะ แต่เรานอนแอร์ไง ราคา 200 บาท/คืน ดีย์ไปอี๊ก ! มีค่ามัดจำคีย์การ์ด 100 บาทด้วยนะครัช

(เฮ้ยๆ ขอพูดถึงนิดนึง ที่ ur space เนี่ยะ เค้าบริการดีจริงๆ ถึงมันจะเป็น Hostel แต่สะอาดมากและสะดวกสบายด้วยนะ

ทั้งป้าแม่บ้าน พี่นุ่ม และพี่ต่างๆ เค้าน่ารักมาก ชอบตรงที่พี่เค้าอู้กำเมืองยิ่งน่ารักไปใหญ่)
และที่นี่คือที่พักในคืนนี้ 

*******/ ส่วนของกินทริปนี้เราไม่เน้นอะไรเลย เรามาแบบจนๆ เน้นไปให้ทั่วเที่ยวให้ทั่วเป็นพอ ****** 

><><><><><><>><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

{ Day 3, }

 

ทูเด้ย์ ! จุดหมายปลายทางของเราคือ ดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน และอื่นๆ ระแวกนั้น และค้างคืนที่นั่น 1 คืน

 

- เราตั้งนากาปลุก 07.00 น. ล้อหมุน 08.00 น. แต่ด้วยความขี้เกียจอันเนื่องมาจากเตียงมันนุ่มมาก ออกจริงจริง 09.20 น. โดยประมาณ เราเลือกเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้ไป แล้วฝากของบางส่วนไว้ที่ Your Space ไหนไหนคืนสุดท้ายก็ต้องกลับมาค้างที่นี่ ฝากที่นี่ไว้เลยละกันอิอิ  

| แถมละกัน ภาพสุดท้ายเนี่ยะเป็นวิวจากปลายเตียงครับผม ฟินมากฮะ ตื่นมาพร้อมกันวิวดอยสุเทพ บวกกับอากาศเย็นในห้อง

มันสุดจริงๆ เล้ยอยากหลับต่อ |

 

/ / ระยะทางจากตัวเมืองไปดอยอินทนนท์ 130 กิโลเมตรเบาๆ วิ่งรถเครื่อง 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว โธ่จิ๊บๆ แต่เราแวะทานข้าวระหว่างทาง จากนั้นแว๊นรถต่อเล้ย !! 

< น้ำตกแม่กลางช่วงนี้มันช่วงโลว์ คนเลยไม่มี เพราะกลัวน้ำป่าไหลหลากกัน อารมณ์เดียวกันกับน้ำตกแม่ยะในตอนท้ายๆ ที่ร้างไปแล้ว > ตอนนั้นเวลาประมาณบ่ายโมงได้ ก็เลยไปต่อ ระหว่างทางมีอีก นาขั้นบันไดมินิกับวิวภูเขา ขับขึ้นไปเรื่อยๆ จะเจอด่านเจ้าหน้าที่ของอุทยาน จ่ายค่าเข้าคนละ 50 บาท 2 คน 100 บาท เอารถเข้า มอไซเพิ่มอีก 20 บาท เป็น 120 บาท จะได้ตั๋วมา ขับไปเรื่อยๆ อีก 30 กว่ากิโล ระหว่างนั้นมีด่านอีก เอาตั๋วให้เค้าดู
(ด่านอยู่ถัดจากจุดบริการที่พักขึ้นไปนะ) ขับไปเรื่อยๆถึงเรื่อยๆ จะเจอที่ติดต่อที่พักอยู่ขวามือ เราวางแผนไว้ว่าจะเช่าเต็นท์ ราคา 250 บาท แต่เนื่องจากมันหน้าฝน ทางอุทยานงดให้บริการเต็นท์ จึงเหลือแต่บ้านพัก ก็มีหลายราคา ตั้งแต่ 1000 - 3500 บาท (จึงทำให้งบเราบานไปคนละ 200 กว่าบาท)   - ที่พักอยู่ห่างไปออกไป 400 เมตรในเขตที่พักต้นสนเยอะมากๆ ถ่ายรูปสวยดี และนี่คือที่พักในคืนนี้ ได้ที่พักแล้ว

 

, ไปต่อเลยจ้า อีก 13 หรือ 16 กิโลเมตรเนี่ยะแหละ มันคือความทรหดอันแสนสุดในชีวิต ทางขึ้นชันมาก บวกกับฝนตกถนนลื่นมาก ระหว่างทางก็เริ่มมีหมอกบ้าง แต่หมอกลงหนาสุดๆ ที่ พระมหาธาตุ(นภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ)  

              ก่อนถึงกิ่วแม่ปานไม่ไกล เรามองไม่เห็นทาง ไม่เห็นอะไรเลยทั้งนั้น เราตัดสินใจแวะ พระธาตุก่อน ค่าเข้า คนละ 20 บาท ขณะนั้นหมอกก็ลงหนามาก คือฟุ้งจนขาวโพลนไปหมด มองไม่เห็นความงามของสวนดอกไม้ กับพระธาตุทั้งสอง สักพักคือฝนเท เทแบบเทจริงจริงจังจัง พึ่งเข้าใจลึกซึ้งถึงคำว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว ฝนมา ลมมา หมอกมา มันคือสุดๆจริงๆ ต้องหลบฝนซักพัก ไปไหว้พระธาตุขอพรให้ได้ไปต่อ เพราะอยากขึ้นไปให้ถึงยอดดอย สักพักใหญ่
เริ่มเพลาลง  

ก็เลยขับรถต่อ แต่ความซวยที่แท้จริงก็มาเยือน นอกจากจะโดนฝนเท หมอกเท ด้วยแล้ว น้ำมันรถกำลังจะหมด ขีดสุดท้ายเริ่มกระพริบเตือนใจ โหยยิ่งรู้สึกหดหู่และท้อแท้ไปใหญ่ ไม่นึกว่าฤดูฝนบนดอยจะรุนแรงขนาดนี้ ขับไปบีบแตรไปตลอดทางเพราะมองเห็นทางแค่ระยะ 3 เมตรเท่านั้น ไปถึงกิ่วแม่ปานซ้ายมือ อุ๊แม่เจ้า ! ขาวโพลนไปหมดอีกแล้วไม่เห็นทิวทัศน์อะไรทั้งนั้น และก็ต้องผิดหวังอีก สำหรับใครที่จะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นต้องฤดูหนาวเท่านั้นช่วงปลายปี ฤดูฝนหมอกลงแบบนี้ตลอด (อันตรายมากสำหรับรถเล็กเพราะมองไม่เห็นทางเลย)


อีก 5 กิโล ต่อจากกิ่วแม่ปานนี้คือจุดมุ่งหมายที่แท้จริง ด้วยทั้งความฝนตก ความหมอกลง ความเปียก ทำให้เกิดความหนาวเหน็บ มือแข็ง แข็งทุกส่วนของร่างกาย น้ำมันรถก็จะหมด ความรู้สึกมันดิ่งลึกลงสู่ก้นเหวตลอดเวลา ลองคิดภาพตามนะ มันทั้งหนาว ทั้งเปียกและด้วยใส่ขาสั้นเสื้อยืดธรรมดา ไม่มีเสื้อแขนยาว คือมีชีวิตรอดขึ้นไปถึงยอดดอยก็เก่งมากแล้ว ไปถึงบนยอดเวลา 15.30 น. หมอกกับฝนทำหน้าที่ผสานกันได้ดีเกิ้น ! ( ช่างทำรุนแรงเหลือเกิน เกินใจของคนจะทน ) เลยไปหลบฝนตรงป้อมเจ้าหน้าที่ทหารอากาศ ทั้งหนาวทั้งสั่นทั้งเปียก ความรู้สึกตอนนั้น ทแม่รู้นะคงเป็นลมแน่ๆ เพราะรอบนี้หนีที่บ้านไปเที่ยว
เค้าก็ใจดีนะ บอกให้เข้าไปหลบข้างใน หน้าดีและยังใจดีไปอีก ซักพักเราถามว่าพระธาตุไปทางไหนเค้าก็บอกทาง แต่เราก็ลังเลที่จะไป เพราะฝนมันตกแรงขึ้นอีก ลมพัดเอาหมอกมากระแทกร่างนี่แทบปลิวเถอะ โชคดีหรือเปล่าไม่รู้ มีคนขับรถยนต์ขึ้นมาเราก็เลยทำเป็นเดินเกาะกลุ่มไปกับเค้า เข้าไปถ่ายรูปกับ ป้ายบ้าง หมุดที่ตอกอยู่ตรงจุดสูงสุดบ้าง และก็พระธาตุอัฐิของเจ้าเมืองเชียงใหม่ ขอพรให้ฝนหยุดตก แต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด 555555555 

/ / สุดท้ายเลยเดินกลับมาที่ป้อม ซึ่งพระธาตุที่สวยๆสวนดอกไม้งามๆอะ อยู่ข้างใน (ไปรอบนี้คืออด) และด้วยเวลา 16.46 น. หมอกลงหนัก จนเจ้าหน้าที่เค้ามาบอกว่า ถ้าอยู่นานกว่านี้จะลงไปไม่ได้แล้ว หมอกจะหนักกว่านี้อีก ก็เลยกลับ สรุปคือพลาด ขากลับตลอดทางภาวนาให้รถอย่าดับนะ ขอร้องจริงๆ ไหว้หละ ขอกลับไปให้ถึงจุดบริการที่พักเถอะ 15-16 กิโล ไถลรถลงไปเรื่อยๆบีบแตรตลอดทาง ไม่มีรถสวนขึ้นมาซักคัน เหงาสุดหัวใจ

 

คือ กำลังจะบอกว่ารถของนี่คือคันสุดท้ายที่ลงจากยอดดอย โอ้โหห รู้สึกพิเศษสุดในความเป็นส่วนตัวครั้งนี้

กำเบรคอย่างเดียว กำจนมิดมืออะ แต่รถก็ยังไถลลงไปอย่างไว ยังกะติดไอพ่น ผ่านกิ่วแม่ปานเหมือนมันร้างไปนานมาก ไร้ซึ่งวี่แววมนุษย์ อื้อหือ หวิวๆไปอีก ผ่านพระธาตุลงมาก็ไม่มีใครเล้ย ไปเรือยๆจนถึงจุดบริการที่พัก เริ่มหัวใจชื้นขึ้นมาบ้าง บังเอิญมีตู้เติมน้ำมันอัตโนมือ อยู่ข้างทาง หึหึในความโชคซวยก็มีความโชคช่วยอยู่นะเออ เติมน้ำมันเสร็จสบายใจแล้วทีนี้ หาข้าวทานจนเสร็จสรรพก็กลับที่พัก ไปอาบน้ำนอน (คือเหนื่อยจริงจังอะไม่เคยทรหดขนาดนี้) 

 

><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

 

{ Day 4, }

| อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อยากจะบอกว่า สถานการณ์ ณ เวลานั้นมัน Extreme กว่านี้เยอะ แต่ก็พยายามจะเขียนให้เข้าถึงกับความรู้สึกตอนนั้นมากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่อยากให้ไปลองเองมากกว่า เป็นประสบการณ์ชีวิต 555555555555 * / / มาต่อกัน วันสุดท้ายแล้วอะที่จะได้เที่ยว ใจจริงไม่อยากกลับเมืองหลวงเลย ชีวิตที่นี่มันดีมากอะชอบเชียงใหม่ , วันนี้จริงๆคือไม่มีแพลนไปไหนเลย ฟรี 1 วัน

ตั้งนากาปลุก 07.00 ตื่นจริง 08.00 ออกจริง 09.30 น. วันนี้โนแพลนคือไปเรื่อยๆอยากแวะก็แวะ ตอนแรกเพื่อนบอกไปแม่กำปองมั้ย บ้า! 180 กิโล แดดแรงขนาดนี้ไม่ไหวครับ ยอมแพ้ ก็เลยไปโครงการหลวงใกล้ๆที่พัก ค่าเข้า 20 บาท ถ่ายรูปได้ มีหงส์ดำหลายตัว มีหงส์ขาวตัวเดียว

ซึ่งมันหยิ่งมาก เล่นตัวสุดสุด 

 

ตอนที่เราไปเค้ากำลังเพิ่มต้นไม้อยู่ ในนั้นมีเรือนจัดแสดงเฟิร์นไว้เยอะพอสมควร น่าสนใจอยู่ เขียวสบายตาดี ประมาณเที่ยงๆได้ เริ่มขี้เกียจไปต่อ จึงตัดสินใจกลับกันดีกว่า ขาลงมีน้ำตกนะ " สิริธาร " ซึ่งเป็น นามพระราชทานจากพระบรมราชินีนาถ ชมความงามถ่ายรูปได้อย่างเดียว                   จากนั้นขับลงไปต่อมีน้ำตก " วชิรธาร "อยู่ซ้ายมือ (น้ำตกแห่งความทรงจำของผม แต่จะไม่บอกหรอกนะ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น) น้ำตกต้องขับเข้าไปอีก 800 เมตร เล่นน้ำได้ น้ำตกแรงมาก ยืนใกล้ๆ ละอองน้ำนี่กระเด็น ชุ่มไปทั้งตัวเลย >//////<  กลับจริงๆแล้วนะ จนถึงทางแยก อ.จอมทองมีป้ายเขียนว่า น้ำตกแม่ยะ 14 กิโลเมตร อ้ะ ! ไปดิ (เวลาเหลือ) ขับไกลพอสมควรมีขึ้นเขาลงเขาด้วย มีด่านตรวจนะ เอาตั๋วของอุทยานดอยอินทนนท์ให้เค้าดู จากด่านตรวจไปอีก 6 กิโลเมตรถึงจะเป็นน้ำตก แต่ทว่าพอไปถึง โอ้โห ร้าง ! คือคำนิยามเพียงคำเดียว ไร้ซึ่งคน จริงน่าจะไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยวหละมั้งถึงปิดไปแต่มันน่ากลัวจริง แวะเข้าห้องน้ำที่นั่นเปิดก๊อกน้ำนี่เป็นสีโคลนเลยอะ กลัวจริง ก็เลยรีบกลับกัน กลัวอะ เพราะมันอยู่ลึก ถ้าเกิดอะไรขึ้นคือไม่มีใครรู้เพราะไม่มีสัญญาณมือถือ ตรงนั้นมีโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำด้วยนะที่น้ำตกแม่ยะอะ / กลับถึงเมืองตอน 15.30 น. โดนแดดเผาจนจะเป็นเถ้าถ่าน  พักร่างกันที่ your space ที่เดิมก่อนจะกลับ ในเช้าวันต่อมา ด้วยรถไฟฟรี(รอบ 06.30 น. ถึงเมืองหลวงก็ 21.10 ประมาณนั้น) 


*** เพิ่มเติมนิดนึง คือเราก็มีรถใช่มั้ย ตอนกลางคืนก็ออกไปทานข้าวบ้างไรบ้าง ไหนไหนก็วันสุดท้ายแล้ว ก็เลยไปกันที่ กาแลไนท์บาร์ซ่า อยู่ตรงไหนลองค้นดูเอานะ มีของขายเยอะแยะเลย เสื้อพงเสื้อผ้า ของฝากจิปาถะบลาบลา

><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

\ แต่ว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เช้าวันกลับ การดีดตัวออกจากที่นอนกลายเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต ตั้งนากาปลุก 05.30 กะจะออก 06.00 เอามอไซแสนรักไปคืน ละกลับรถไฟฟรีฉึกฉัก แต่ทุกอย่างกลายเป็นออก 08.30 น. ละต้องไปขนส่งอาเขต ถึงค่อยมาสถานีรถไฟ มาถึงเราก็สตั้นอย่างแรง รถไฟเป็นสปรินเตอร์ ตั๋ว 641 บาทเงิบกัน (งบบานอีกครั้ง) แต่อีก 2 นาที รถออก ไม่อยากรอแล้ว ก็เลยคิดซะว่าซื้อตั๋วชมวิว เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ แล้วกัน (บนรถมีอาหาร 1 มื้อ ของว่าง 2 รอบ) 

ถึงเมืองหลวง 19.40 น. " เป็นอันว่าจบการท่องเที่ยวครานี้ " 

 

><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

 

สรุปค่าใช้จ่ายแป๊ปนึง แบบไม่วุ่นวายค่ากินนะ

สรุปค่าใช้จ่าย ต่อ 1 คนแต่มา 2 คนนะ

1.รถไฟขามา 271ต่อคน บาทจากหัวลำโพงรอบ 22.00 น. (แนะนำรอบนี้เพราะตื่นเช้าจะได้ชมวิวข้างทางขามาเป็นพรีทริป)

2.ค่ารถจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ไป ขนส่งอาเขต 35 บาท 2 คน 70.-

3.ค่าเช่า Bikky bike 4 วัน วันละ 300.- รวม 1200.- แต่สมัครสมาชิกพิเศษ ลดวันละ 25.- สุทธิจ่าย ค่ารถ 1100/2 คนละ 550 (ค่าน้ำมันไปกันประมาณ700กิโล เติมไป 330/2 คนละ 165 บาท

4.ค่าที่พักคืนแรกบ้านระเบียงดาว(ดอยหลวงเชียงดาว 500/คน(รวมอาหารเย็นและเช้า)

คืนที่2และ4 พัก Your space hostel (ห้องแอร์คืน 200.- ) สุทธิ 400 ต่อคน

คืนที่สาม พักบนดอยอินทนนท์ (แพลนว่าจะจองเต็นท์แต่ผิดแพลน) พักบ้านพักอุทยาน 1000.- (ฤดูฝนลด 30%) เหลือ 700/2 คนละ 350 บาท

4.ค่าเข้าดอยหลวงเชียงดาว คนละ 205.ค่าเข้าชมสวนพฤกษศาสตร์ คนละ 40 (นศเหลือ20)

6.ค่าเข้า Grand canyon คนละ 50

7.ค่าเข้าอุทยานดอยอินทนนท์ คนละ 50 มีมอไซเก็บเพิ่มคันละ 20 คนละ 60

8.ค่าเข้าโครงการหลวงคนละ20

9.ค่าเข้าพระธาตุนภเมทนีดล (บนดอยอินทนนท์) คนละ 40

10.ค่ารถจาก ขนส่งอาเขตไป สถานีรถไฟคนละ 40

= 2,521 บาท / ราคานี้ไม่รวมค่ารถไฟสปรินเตอร์ขากลับนะครับ อิอิ จริงๆ ต้องกลับรถไฟฟรี ^^


(ไม่รวมค่ากิน คือค่ากินมันถูกมากเว้ยตามใจเลย) 5 วัน 4 คืน เที่ยวขนาดนี้มันแบบดีมากอะ ต้องมาๆเชียงใหม่ สายภูเขาพลาดไม่ได้ คิดเล่นๆ งบ 3500 ที่มากันเนี่ยะ / คือรอดอะ ที่พักสบายๆไม่ลำบาก

*** ค่าใช้จ่ายหลักก็ประมาณนี้ครับผม ถ้าแพลนมาดี ไม่ปรับเลยก็น่าจะประหยัดตามเป้า แต่ไปเที่ยวทั้งทีครับ ก็ลงทุนนิดนึง
เท่าที่พอไหว ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ มันคุ้มค่ามากครับ (ขอย้ำอีกที)


 

*ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามตั้งแต่ต้นจนถึงตรงนี้ ขอบคุณทุกสิ่งอย่างตลอดการเดินทางครั้งนี้ ขอบคุณที่ผ่านไปด้วยดี
ไว้เจอกันโอกาสต่อไป สวัสดีครับ

 

#ปล.จริงๆมีรูปอีกเยอะมากที่อยากจะลงให้ได้ดูกัน แต่เดี๋ยวจะรกเกินไป ^^'

ส่วนเรื่องที่พัก และพาหนะ สามารถหาข้อมูลได้ใน Google เลยนะครับ หรือสอบถามได้ครับ ( :