หัวลำโพง สะเตชั่น
Date:17.10.2015
Canon AE-1 Program
Film : Fujicolor C200
Page : http://www.facebook.com/CocofolioPhotography
ทริปนี้เริ่มต้นจากเจอที่พักแห่งหนึ่งชอบมาก ใกล้ๆกรุงเทพตั้งใจไปสัมผัสความเงียบริมน้ำ จึงวางแพลนอยากไปพักและเที่ยวไปในตัว เมื่อมีแพลนคร่าวในใจก็จัดการจองที่พักทันที
กำหนดการคือตั้งใจจะไปแต่เช้า ไปถึงหัวลำโพงสักเจ็ดโมงเช้า แต่ที่ไหนได้ดันตื่นเจ็ดโมงเช้าเอง ทำให้แผนการที่คิดคร่าวๆล่มตั้งแต่ตื่นนอนแร่ะ เลยคิดว่าไม่ต้องรีบละ รีบแล้วเสียแผนตลอด เพราะคอนเซปของทริปนี้ คือ อยากเป็นทริปชิวๆสบายๆ ใกล้ๆกรุง ไม่เร่งไม่รีบ
อาบน้ำแต่งตัว กว่าจะออกจากบ้าน ก็แปดโมงกว่า ออกจากบ้านแถวสมุทรปราการ ไป หัวลำโพงด้วยรถสาธารณะ ฟรีบ้าง จ่ายตังค์บ้างตามเส้นทางการเดินรถ ขสมก.เพื่อไปถึงหัวลำโพง ตอนนี้ไม่กะเวลาละ เพราะถึงตอนไหน ก็ไปจองตั๋วฟรีตอนนั้นเลย
ภาพจากกล้องมือถือ
ภาพซ้าย ได้ตั๋วแรกรอบใบล่าง เวลา 9.25 น. แต่มาถึงเกือบ 9 โมงครึ่ง พนักงงานดันออกตั๋ว 9.25 น. แล้วบอกให้รีบวิ่งเลย รถไฟน่าจะยังไม่ออก ไอ้เราก็ใส่เกียร์หมาวิ่งโกย ไปชานชลาที่ 8 เหนื่อยฟรีเลย รถไฟออกไปต่อหน้าต่อตา อาการนี้คือตกรถ(ไฟ) สินะ 555 เจ็บใจมั้ย บอกเลยว่าไม่ แต่ทำไมต้องรีบวิ่งด้วย เหนื่อยน่ะเว้ย (ด่าตัวเองในใจ ฮ้าๆ) จึงไปจองตั๋วรถไฟฟรีรอบใหม่ ได้รอบต่อไป คือรอบ 11.20 น. รอรอบนี้ไปแบบยาวๆเลย
ภาพขวา อยู่ในช่วงเทศกาลกินเจ และตัวเองก็กินบ้างไม่ไกินบ้างถ้าเจอร้านก็จะกิน หลังจากได้ตั๋วฟรีรอบ 11.20 น. มาแล้วดูเวลายังต้องรอคอยอีกเกือบ 2 ชั่วโมง บวกกับหิวข้าวเช้า เลยเดินเข้าศูนย์อาหารหาข้าวเช้ากิน เจอร้านอาหารขายอาหารเจ ไม่เสียความตั้งใจ เลยสั่งอาหารเจ กับกาแฟที่ไม่เจ แฮ้ๆ
ภาพต่อจากนี้จะลงภาพจากกล้องฟิล์มทั้งหมดนะค่ะ
เพราะทริปนี้เอากล้องฟิล์มไปตัวเดียว
หลังจากทานข้าวเช้าอิ่มแล้ว มองดูนาฬิกา ยังเหลือเวลาอีกเย่อะกว่าจะถึงเวลารถไฟฟรีขบวนรอบต่อไปจะมา จึงเดินถ่ายรูปเล่นเพื่อฆ่าเวลาไปพลางๆ ตอนเช้าๆผู้คนยังไม่เย่อะแต่กำลังทะยอยเดินทางมาเพื่อขึ้นรถไฟไปตามที่ต่างๆ ส่วนมากที่เห็นจะเริ่มมีนัก Backpacker คนไทยมากขึ้น ส่วนมากเป็นเด็กๆน้องๆปิดเทอมไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มบ้าง สองสามคนบ้าง คนเดียวบ้าง รวมทั้งตัวเอง ผิดกับเมื่อก่อนจเจอแต่คุณลุง ป้า คุณตา คุณยาย กระเตงสัมภาระมาขึ้นรถไฟกัน แล้วก็นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อาจเพราะวิถี สโลวไลฟ์กำลังมาแรงในตอนนี้ก็ได้ แต่เป็นการดีที่สุดเพราะอยากให้คนไทยหันมเที่ยวไทย จะ สโลว์ไลฟ์ จะฟาสท์ ไลฟ์ ก็เอาเถอะ ไทยเที่ยวไทยบรรยากาศจะได้คึกคัก
บรรยากาศตรงชานชลา ภาพผู้คนต่างกำลังทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งหน้าที่โดยสาร ทั้งหน้าที่พนักงานในส่วนต่างๆของทางการรถไฟ เห็นแววตาคุณยายมีความสุขที่จะได้กลับบ้านซ่อนอยู่ ความสุขของเด็กน้อยที่จะได้นั่งรถไฟ นึกถึงความสุขสมัยเป็นเด็กน้อยของตัวเอง นั่วรถไฟครั้งแรกไปสระบุรี ตื่นเต้นมากๆถึงกับนอนไม่หลับเลยทีเดียว เข้าใจความรู้สึกนั้น โลกของเด็กน้อยมักตื่นเต้นในทุกๆเรื่องเสมอ
ความ Classic ของสถานีรถไฟแห่งนี้ยังคงมีอยู่แม้เวลาจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงนี้ยังคงมนต์ขลังความเก่าความคลาสสิคอยู่เสมอต้นเสมอปลาย การอนุรักษ์ไว้เป็นเรื่องที่ดีมาก
วิถีจากบ้านต่างจังหวัดสู่วิถีคนกรุง ความซับซ้อนวุ่นวายในเมืองกรุงก็เช่นกัน วุ่นวาย เร่งรีบไม่เคยเปลี่ยน ชีวิตที่แข่งกับเวลากับชีวิตที่ใช้ไปตามเวลา มันแตกต่างกัน ใครปรับตัวได้คนนั้นก็อยู่รอด...ใครปรับตัวไม่ได้ ก็พาหัวใจช้ำๆกลับบ้านเกิด
ปู๊น ปู๊นๆๆ แปลว่ารถไฟมาแล้ว ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง ฮ้าๆ รอมาเป็นเพลานานถึงเวลากระโดดขึ้นรถไฟฟรีไปจับจองที่นั่งกันตามสบาย รถไฟที่ขึ้นไปลงอยุธยาจอดเทียบชานชลาที่ 7 จากสถานี ป้าย กรุงเทพ-ตาคลี
เราขึ้นคนหลังๆเลยก็ว่าได้ ขี้เกียจขึ้นไปแย่ง เห็นคนแย่งกันขึ้นจะเป็นลม เดินไปขึ้นอย่างช้าๆพร้อมกับความไม่แน่ใจว่าใช่ขบวนนี้หรือเปล่า และเพื่อความแน่ใจจึงเดินไปถามนายสถานีประจำขบวนอีกรอบ สรุปว่าใช่ขึ้นได้กลัวผิดขบวนมากๆ
บรรยากาศบนรถไฟต่างจับจองที่นั่งกันไป จะมีแม่ค้า พ่อค้ามาขายอาหารกันตั้งแต่รถไฟยังไม่ออก ไปจนถึงปลายสถานี ส่วนเราอยากจะอุดหนุนอาหารสักมื้อ แต่ว่าติดที่กินเจอยู่ ได้แต่เสียดายไว้คราวหน้าไม่พลาดแน่นอน เขาว่าราคามิตรภาพและอร่อยเหมือนกัน
รถไฟมาถึงสถานีบางซื่อ ซึ่งเป็นสถานีที่คนขึ้นเย่อะและลงเย่อะพอสมควร แปลว่ารถไฟฟรีเป็นทางเลือกหนึ่งของชีวิตคนกรุงที่หนีรถติดบนท้องถนนใหญ่ แต่เป็นทางเลือกที่อาจจะใช้เวลาในการเดินทางพอสมควรเพราะฉะนั้นต้องเผื่อเวลาและทำใจไว้เลย
พอรถไฟเริ่มเข้าเขตอยุธยา เชียงรากน้อยจะสัมผัสกับบรรยากาศท้องทุ่งหน้า ท้องฟ้าเกือบสีครามร้อบอบอ้าวเพราะครึ้มฟ้าครึ้มฝนพอสมควร ได้ลมจากหน้าต่างรถไฟช่วยไว้ลมเย็นสบายมาก ได้กลิ่นท้องทุ่งหน้าอยุธยาบ้านเกิดของเราแล้วความคิดถึงวัยเด้กก็ลอยแล่นเข้ามาในความคิด
สถานีบางปะอิน สถานีนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนมากที่จะลงไปเที่ยว ใกล้สถานีปลายทางของเราที่อยุธยาเข้าไปทุกที ไม่ใช่ตื่นเต้นอะไรหลอก แค่เมื่อยๆและเริ่มร้อนจากแดดตอนบ่ายที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างแทนลมเย็นๆเสียแล้ว
ในที่สุดก็ถึงสถานีอยุธยา ตอนบ่ายโมงครึ่ง นั่งมอเตอร์ไซด์ ไป100 บาท (แพงไปมั้ย) ไปถึงยังที่พัก "อยุธยา ริเวอร์ไซด์ เฮาส์ " ซึ่งอยู่ติดกับวัดกษัตราธิราช ที่พักรอบนอกเกาะกรุงเก่าข้ามแม่น้ำไปอีกที อยู่ใกล้วัดไชยวัฒนารามสามรถเดินไปได้ไม่เหนื่อยมาก (หรือเปล่า???)
"อยุธยา ริเวอร์ไซด์ เฮาส์ " ภาพจากกล้องมือถือ