อยุธยาไปตอนไหนก็ได้
วันนี้มารีวิวที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ของไทยเรา อารมณ์แบบอยากไปไหว้พระ ตามหัวข้อไปตอนไหนก็ได้ ความหมายของเราคือ เราอยากไปตอนไหน วันไหน เวลาไหน ถ้าอยากไปก็ไปได้เลย เพราะไม่ไกลกรุงเทพฯ
ขับรถออกจากกรุงเทพ บ่ายโมงเกือบจะบ่ายสอง ก่อนออกดูข้อมูลวัดนิดหน่อย ได้รายชื่อวัดมา 4-5 วัด แต่เปิด Google map ไปที่ วัดมเหยงคณ์ วัดนี้ตั้งอยู่ในตำบลหันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา เดินทางมาถึงที่ นี่ประมาณ 4โมง นิดๆ ขับรถมาจอดด้านหน้าทางเข้าได้เลย มาถึงเย็นแล้วนักท่องเที่ยวบางตา มาถึงก็ซื้อดอกไม้เข้าไปไหว้พระ แล้วแต่กำลังศรัทธา จะทำบุญเท่าไรก็ได้
มีค่าเข้าชม โบราณสถานคนไทยคนละ 10 บาท มีจุดเก็บค่าธรรมเนียมอยู่ตรงข้ามกับที่ขายดอกไม้
ด้วยความที่เรามาถึงเย็นหรือเปล่าไม่รู้ แต่สงบมาก มีแม่ชีเดินบ้าง และมีนั่งสมาธิตามจุดต่างๆ
ทางเดินเข้าไปยังภายใน
ภายในมีพระอุโบสถที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด กว้าง 18 เมตร ยาว 36 เมตร ภายในมีแท่นฐานชุกชี 2 แท่น พระพุทธรูปประธานเป็นหินทรายแต่พังทลายลงแล้ว ส่วนผนังอุโบสถซึ่งก่อด้วยอิฐสีแดงเป็นจุดสังเกตเห็นได้ในระยะไกล รอบพระอุโบสถมีกำแพงแก้ว 2 ชั้นและมีใบเสมาทำจากหินสีเขียว หลังพระอุโบสถคือพระเจดีย์ประธานฐานช้างล้อม ฐานทักษิณสี่เหลี่ยมจตุรัส ประดับช้างปูนปั้นตามซุ้มรอบฐานรวม 80 เชือก และยังมีลานธรรมจักษุหรือโคกต้นโพธิ์ เนินดินรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสยาว 58 เมตร กว้าง 50 เมตร สันนิษฐานว่าอาจเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับของพระเจ้าหงสาวดีตะเบ็งชะเวตี้ ด้านตะวันออกของพระวิหารเป็นที่ตั้งของเจดีย์ทรงลังกา 2 องค์ สภาพโดยรวมของวัดเป็นซากปรักหักพังเนื่องจากร้างมานานตั้งแต่หลังเสียกรุงครั้งที่ 2 แต่เมื่อ พ.ศ.2527 พระครูเกษมธรรมทัต หรือปัจจุบันคือพระภาวนาเขมคุณ วิ.เข้ามาตั้งสำนักกรรมฐานขึ้นในบริเวณวัดมเหยงคณ์ ทำให้โบราณสถานเก่าแก่ได้รับการดูแล กรมศิลปากรที่ขึ้นทะเบียนวัดมเหยงคณ์เป็นโบราณสถานของชาติตั้งแต่ พ.ศ.2484 ก็ได้เข้ามาช่วยบูรณะ ทำให้ทุกวันนี้วัดมเหยงคณ์กลายเป็นสถานปฏิบัติธรรม (ข้อมูลจาก ททท.) อากาศเย็นๆ น้องแมวของีบแปป ไหว้พระเสร็จเดินสำรวจรอบๆ เดินสำรวจเรียบร้อยก็กลับมาขึ้นรถ แต่ออกทางผิดเลยมาเจอเจดีย์ ตามภาพ อยู่ท่ามกลางทุ่งบัวกับหญ้าเขียวๆก็สวยไปอีกแบบ (อยู่ขวามือถ้าเราหันหน้าออกทางออก) ออกเดินจากออกจากวัดมเหยงคณ์ ประมาณห้าโมง ตอนขามาเราเห็นวัดที่อยู่ข้างทาง เดี๋ยวกลับไปวัดนั้นค่ะ เพราะกลัววัดมเหยงคณ์ปิดเราเลยมุ่งหน้ามาที่นี่ก่อน ในข้อมูลบอกปิด 16.30 น. แต่ตอนเรามาถึงยังเปิดให้เข้าชมต่อได้ วัดนี้อยู่ปากทางเข้าวัดมเหยงคณ์ อยู่ติดถนน ชื่อวัดกฏีดาว (มาหาข้อมูลตอนกลับบ้านมาแล้ว )
วัดกฎีดาว มีสภาพเป็นวัดร้าง ตั้งอยู่นอกเกาะเมืองทางทิศตะวันออก ในตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทิศเหนือติดกับทางเข้าวัดประดู่ทรงธรรมและวัดจักรวรรดิ (ร้าง) ทิศใต้ติดกับถนนเข้าหมู่บ้านราษฎร ทิศตะวันออกติดกับถนนที่ตัดมาจากวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม ตรงข้ามกับทางเข้าสวัดมเหยงคณ์ ทิศตะวันตก ติดกับชายป่าละเมาะ ซึ่งเป็นที่ดินของวัดประดู่ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดกุฎีดาวเป็นโบราณสถานของชาติโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2418
วัดกุฎีดาวเป็นวัดขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ในเขตที่เชื่อกันว่าเป็น “อโยธยา” ตอนเหนือ ฝั่งนอกเกาะกรุงศรีอยุธยา ด้านตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก ซึ่งเชื่อกันว่าคือชุมชนเมืองโบราณก่อนที่จะมีการสร้างกรุงศรีอยุธยา บริเวณแถบนี้ยังคงเต็มไปด้วยซากอาคารและเจดีย์ของวัดสมันอยุธยาแต่โบราณสถานของวัดกุฎีดาวนั้น มีสภาพที่ดีมากที่สุดของอยุธยาแห่งหนึ่งที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน (ที่มาข้อมูล:ww2.ayutthaya.go.th)
ปล่อยให้ภาพได้ทำหน้าที่เล่าเรื่อง ไม่มีคำบรรยายใดๆมากมาย นอกจากว่าหิวแล้ว ไปหาอะไรทานกันดีกว่าค่ะ
ไปทานอาหารที่ร้านแม่น้ำวิว ไปดูวิววัดพุทไธสวรรค์ เพราะเราคงเข้าวัดไม่ได้แล้ว ตอนนี้หกโมงครึ่งแล้วค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่เยื้องๆกับโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
วิวก็ประมาณนี้ ค่ะ
ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ จานละ 150 บาท
ราคาก็พอๆกับที่เราทานผัดไทยชื่อดังในกรุงเทพฯ แต่นี่+วิว
ทานอิ่มแล้วก็กลับไปเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินกันค่ะ เคยเห็นรีวิวคนอื่นชอบต้นไม้ที่มีโคมไฟทำจากสุ่มไก่
ทางเข้าค่ะ
เราชอบถนนคนเดินที่นี่ ประดับประดาสวยงาม ไม่ได้มีแต่ขายของ
ภาชนะใส่น้ำตาลสด น่ารักดี เราทานอาหารจากร้านอาหารมาแล้วเลยไม่ได้ชิมอะไรมากมาย แต่อาหารขายเยอะ ไว้คราวหน้าจะมาชิม ^^
ถุงใส่ขนมเบื้อง
ตรงนี้เป็นจุดให้ถ่ายรูป
ฝั่งตรงข้าม
ได้เวลาอันสมควร ต้องเดินทางกลับแล้วค่ะ กลับมาถึงกทม. สี่ทุ่มครึ่ง ระหว่างทางมีรถวิ่งตลอดไม่ได้เปลี่ยวอะไร ทริปนี้ไปแบบไม่ได้ตั้งใจ ตื่นมาอยากไปไหนก็ไปเลย แต่ก็คุ้มค่าที่ได้ไปค่ะ สัปดาห์หน้าจะไปเขาค้อ ไว้จะมารีวิวใหม่จ้าาาา