แก๊งปากหมาฯ ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา
แก๊งปากหมาฯ ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา...
ตอบ ชื่อแก๊งนี้มาจากพฤติกรรมการปากดีชวนเจอตรีนล้วนๆ มีทั้งหมาพันธ์ุเล็กพันธุ์ใหญ่ หากอยากลองต้องมาเจอ>>>รุ่นพี่ท่านหนึ่งตั้งไว้ ชื่อเต็มๆ คือ "แก๊งปากหมาหน้าสวย" เพราะแก๊งฯ นี้มีเฉพาะผู้หญิง ขอบคุณรุ่นพี่ที่อุตส่าห์คิดตั้งชื่อให้ ก่อนหน้าไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเล้ย แต่ได้รับการยันยันจากผู้เชี่ยวชาญด้านปากหมา ช่างตรงใจจริ๊งจริง..ขอบอก^^
"เมืองน่าน" ชาวเดอะแก๊งฯ ได้ยินชื่อเมืองนี้มานาน พี่ใหญ่ขาลุยนึกคึกชวนน้องๆ ตามรอยตำนานกระซิบรักที่อยากจะมาศึกษาเพื่อเป็นลู่ทางในการกระซิบบอกรักใครสักคน วิ๊ดวิ๊ววว
เดอะแก๊งฯ ไม่รีรอ เพราะอยากมาสัมผัสมนต์กระซิบรักเมืองน่านมานาน เผื่อติดใจได้หนุ่มๆ ติดไม้ติดมือกลับไปสักคนสองคน จึงเริ่มต้นวางแผนที่ไม่ค่อยเป็นแผน และต้องพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ที่วางแผนไว้คือ ล้อหมุนตี 3 แต่จนแล้วจนรอดกว่าจะพร้อมก็กลายเป็น ล้อหมุนตอนตี 4 แทน รอบนี้ให้พี่ใหญ่ขาลุยเป็นคนขับรถสองมือคนเดียว ส่วนน้องๆจัดแจงเล่นเกมส์ยอดฮิตปริศนาฟ้าแลบที่โหลดมา และแปลงร่างเป็นดีเจเปิดเพลงตามใจนายหัวรถ (ที่เป็นคนใต้อยากแอ่วเหนือ) สักพักเริ่มกินมะม่วงน้ำปลาหวานเคล้าการนินทาชาวบ้านเพื่อเพิ่มอรรถรส แวะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของคนตามปั๊มต่างๆ อย่าหวังว่าใครจะได้หลับ เพราะหากหลับนั้นคือเป้าหมายใหม่ของการเปิดโต๊ะนินทา และพร้อมต่อการทำคลิปประจาน พวกเราจริงใจเสมอ 555
หมดพลังไปกะการนินทาชาวบ้าน และเมาท์มอย เห็นร้านอาหารตามข้างทาง ร้านไหนน่ากิน ขอแวะหย่อนอาหารลงท้องตลอดทาง แต่นายหัวรถของเราบังคับไว้ว่าจะให้กินทีละนิด ไม่ได้กลัวท้องตึงหนังตาหย่อนหรอกนะ แต่กลัวต้องแวะปั๊มเปลี่ยนไส้กรองชุดใหญ่ เพราะคุณพี่เล่นสายตรงไม่มียั้งเก็บไว้ 555
แวะตลอดเส้นทางหลวงหมายเลข 11 ทำให้ช้ากว่าปกติที่วางแผนไว้ ก็บอกแล้ว>>>แผนนี้วางไว้นิ่ง ๆ เฉยๆ เท่านั้น 555 ประมาณบ่าย 3 จึงได้แวะลองชิมก๋วยเตี๋ยวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่เวอร์ จ.แพร่ มาไม่ยากเพราะอยู่ติดถนนหมายเลข 101 ตรงจุดนี้ภูมิใจเล็กน้อยไม่มีการหลงเพราะเป็นเส้นทางตรง และที่สำคัญเราหลงเอาฤกษ์เอาชัยตั้งแต่เริ่มออกจากกรุงเทพแล้ว 555
โห้!!! ชามใหญ่เท่าวงโอบของแขนเลย^-^
กว่าจะเถลไถลไปตรงโน้นตรงนี้ ก็ปาเข้าไปจะ 5 โมงเย็น เราวางแผนเฉพาะเส้นทางท่องเที่ยว แต่ที่พักไม่เคยวางแผน คืนนี้เราจะค้างในตัวเมืองน่านเพื่อสัมผัสกลิ่นไอความเป็นสาวชาวเหนือสักคืนก่อนเดินทางกางเต้นท์ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
การวางแผนที่แน่นอนคือการไปตายเอาดาบหน้าโดยเฉพาะกับเดอะแก๊งปากหมาฯ เท่านั้น มันเป็นพฤติกรรมที่โปรดอย่าลอกเลียนแบบ 555 เราตระเวนหาที่พัก เปิดกูเกิ้ล เข้าไปสอบถามจนได้เจอ #Home Sweet Home
คนดีมักจะพบเจอแต่สิ่งดีๆ ขอ"มโน"เองว่าเป็นคนดี^-^ ได้เจอเจ้าของเกตส์เฮ้าส์ที่ใจดี บริการเยี่ยม ที่สำคัญไม่รำคาญเดอะแก๊งฯ ที่คอยซอกแซกสอบถามโน้นนี้ แถมใจดีบอกร้านอาหารขึ้นชื่อให้พวกเราต้องไปลองทานให้ได้ 5555
สวนอาหาร "สะเนียน" พี่เจ้าของเกตส์เฮ้าส์แนะนำมา เดอะแก๊งฯไม่รอช้าออกตามหากันเลยทีเดียว กูเกิ้ลเป็นเพื่อนร่วมทางตลอด พี่เขาบอกว่าร้านอยู่ไม่ไกลจากที่พักอยู่ตรงข้ามกับเฮือนจำจังหวัด ผ่านไปเกือบ 20 นาที เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาตามคำบอกของพี่กูเกิ้ล ก็ไม่ยักกะเจอ เห็นชายหนุ่มหน้าตาดียืนอยู่ข้างทาง แวะสิคะ เฮี๊ยดดด!!! รถเบรคจนผู้โดยสารหน้าคะมำ สมใจอยากลงไปถามทางเลย หน้าใสๆ ใครหละจะไม่อยากคุยด้วย 5555
น้องเขาชี้บอกทาง "พี่ต้องขับเลียบแม่น้ำตรงไปเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาก็ถึงแล้ว" ฟังดูง่ายจัง แต่ไหง!! เดอะแก๊งฯ เวียนวนจนครบ 3 รอบยังกะเวียนเทียนก็ยังหาไม่เจอ... สงสัยต้องมนต์โดนบังตาก็แล้วแต่วาสนาละกัน...เฮ้อ!!! ตอนนี้ร้านไหนก็ได้ง่ะ.. หิวจนไส้จะขาดแล้ว พี่ใหญ่ขาลุยอดรนทนไม่ไหวจอดทันที เดินหาร้านกินแถวนี้ดีกว่า.. พอลงจากรถ เฮ๊ย!!! นี่เรามาจอดรถอยู่หน้าเฮือนจำ งั้นก็...สายตาสอดส่าย... ป๊ะแหม+++ ร้านสวนอาหาร "สะเนียน" อยู่ตรงหน้า
รีบเลยค่ะ เข้าไปนั่งเรียบร้อยเตรียมสั่งอาหารเต็มที่ แต่พนักงานร้านเข้ามาบอก "ขอสุมาเต๊อะเจ้า ของกิ๋นหมดแล้ว ฮ้านจะปิ๊ดแล้วเจ้า" งง!! สิค่ะ ฟังก็ไม่ค่อยเข้าใจเลยต้องถามสาวห้าวชาวเหนือของแก๊ง ได้รับคำตอบว่า "นู๋ว่าพวกเรารีบออกจากร้านนี้เถอะค่ะ เขาจะปิดร้านแล้ว" แหง่วววว...
ก็ได้ ก็ได้ จำไว้เลย.. 555 เดินถัดไปอีกหน่อยวันนั้นมีตลาดตรงข้ามวัดภูมินทร์ วัดภูมินทร์!!!!(เสียงสูง) นี้คือต้นตำนานกระซิบรักสินะ ตื่นเต้นๆ ลืมหิวไปชั่วขณะแต่ป่านนี้มันปาเข้าไปจะ 2 ทุ่มแล้วหาอะไรลงท้องก่อนดีกว่า มาเจอร้านอาหารเหนือที่อยู่ไม่ไกล เลยเข้าไปจัดการซะให้หายอยาก แต่ร้านจะปิดครัวแล้วเลยได้สั่งไปไม่กี่อย่าง (ขอโทษนะ จำชื่อร้านไม่ได้ เพราะขณะนั้นไม่สนใจอะไรแล้วนอกจากกิน กิน แล้วก็กิน 555)
คืนนั้นได้เดินชมตลาดเปิดท้ายขายของและวัดใกล้ๆ แสงไฟล่อตาล่อใจให้ชวนเดินหลงเข้าไป แต่ก็ต้องรีบกลับที่พักเพราะหลงมา 3 รอบ ขากลับไม่รู้จะหลงอีกหรือเปล่า แล้วจะได้ถึงที่พักกี่โมงละเนี้ยะเช้าวันใหม่ เดอะแก๊งฯ ตื่นสายนิดหน่อยเพราะเหนื่อยล้าจากการหาร้าน "สะเนียน" ชื่อนี้จะจำไว้ต้องมาแก้มืออีกรอบแน่ อย่าคิดหนีไปเปิดสาขาที่อื่นก่อนหละ เราจำทางหลงไว้แล้ว 5555
วันนี้ขอชื่นชมมนต์เมืองน่านด้วยการเดินไปตลาดเช้าในเวลาสายโด่ง ซึ่งไม่ไกลจากที่พัก ตลาดเช้ามีของกินหลากหลาย เราเริ่มต้นกินต้มเลือดหมู ซาลาเปา และปาท่องโก๋ ปิดท้ายด้วยของกินพื้นเมืองที่เรียกอะไรไม่รู้ ช่วงนั้นหน้ามืดตาลายกินอย่างเดียวโดยลืมถ่ายรูปเก็บไว้ ได้เห็นวิถีการดำเนินชีวิตของคนท้องถิ่น เมืองน่านยังคงมีเสน่ห์ บรรยากาศที่ไม่วุ่นวาย รถมีแต่วิ่งไม่ขวักไขว่ ผู้คนยิ้มแย้มทักทายเหมือนเป็นญาติพี่น้อง สภาพบ้านเรือนยังคงเอกลักษณ์ความเป็นล้านนา เช้านี้หลังเดินกลับจากตลาด ได้มีโอกาสซื้อปลามาปล่อยกันคนละคู่ มีคนบอกว่าทำบุญเป็นคู่แล้วจะได้คู่ ขอนิดเถอะเพี้ยง+++ เอาเคล็ด 555สภาพที่หลับที่นอนของเราภายในเกตส์เฮ้าส์ แต่ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน 5 คนนะค่ะ จองไว้ 2 ห้องแบ่งกันนอนเพื่อความรวดเร็วในการเข้าห้องน้ำ เพราะอย่างที่บอกพี่ใหญ่ขาลุยเราจะผูกพันกะห้องน้ำมาก เลยยกให้ไปเลย 1 ห้อง 555 และคงเป็นคืนที่สบายที่สุดในทริปนี้ เพราะหลังจากนี้จะต้องใช้บริการเต้นท์ที่แบกมาหลังรถแล้ว บ๊ายบายนะที่นอนอันแสนนุ่มและอบอุ่น ^^หลังจากได้ปล่อยปลา เดิมชมเมืองใกล้ๆ ที่พักแล้ว เดอะแก๊งฯ จึงรีบเก็บสัมภาระออกจากที่พัก เพราะมีเป้าหมายคือ ไปย้อนรอยตำนานกระซิบรัก วัดภูมินทร์ที่เราได้ปักหมุดไว้เมื่อคืน คงไม่ย้อนรอยการหลงทางแล้วหละ เชื่อว่างั้นนะ 555
นี้ไง ตื่นเต้นๆ ภาพกระซิบรักบันลือโลก....
นักท่องเที่ยวรุมถ่ายเธอเหลือเกิน "กระซิบรักบันลือโลก" เล่นเอาเราเหนื่อย ไอ้เรารึ!! ก็ไม่ใช่คนที่ชอบรุมสุ่มอะไรตามคนอื่นด้วยสิ เลยขอเดินชื่นชมรูปอื่นดีกว่า เพราะจริงๆ แล้วมีภาพวาดที่สวยงามมากมายใกล้ๆ ยังมีวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารที่สวยงามไม่แพ้กัน เดินข้ามถนนตรงแยกถัดไป ตรงข้ามวัดยังมีอุโมงค์ต้นลีลาวดีที่มีเฉพาะกิ่งส่วนใบร่วงหมดต้น ก็สวยแปลกตาดีนะ^^
เดอะแก๊งฯ อยากไหว้พระให้ครบ 9 วัดจริงๆ เพราะในเมืองน่านมีวัดอยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ครานี้ขอแวะสักการะใกล้ๆ ก่อนหละกัน งานนี้เดินไปเหมือนโดนมนต์สะกดตกอยู่ในภวังค์เพราะจำไม่ได้ว่าภาพไหนคือวัดไหนเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับความสวยงามจนลืมมองชื่อวัดกว่าจะเดินชมวัด ชักภาพตามอารมณ์ เวลาปาเข้าไปเกือบบ่าย 4 โมง เลยต้องรีบออกเดินทางต่อเพราะจะได้ไปถึงอุทยานแห่งชาติดอยภูคาไม่มืด ขอบอกกลัวจริงๆ ถ้าต้องไปหลงกลางป่า บรื้อออ!! นึกแล้วก็เสียวววว แต่ใจหนึ่ง เอ๊ะ!!! ถ้าหลงทางกลางคืนกลางป่าอะไรจะเกิดขึ้นก้อน่าสนุกนะ 555