สวัสดีค่ะ วันนี้จะเราขอทำบันทึกการเดินทาง ซึ่งเป็นการเดินทางเดี่ยวแบบไปคนเดียว ครั้งแรกในประเทศของเรา
เมื่อช่วงวันหยุดปิยมหาราช ในเดือนตุลาคม ของปี 2557 ที่ผ่านมาค่ะ 

เราขอเอาเรื่องราวการเดินทางเก่าที่ผ่านมา มาบันทึกไว้เป็นความทรงจำค่ะ

ปกติเราเป็นคนชอบเที่ยวค่ะ เก็บเลเวลและประสบการณ์การเดินทางคนเดียวต่างประเทศมาบ้างแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราเดินทางคนเดียวในประเทศค่ะ  ทริปนี้เกิดขึ้นเนื่อง มาจากเราอกหัก 555
จริงๆมันก็ไม่เชิงอกหัก เพราะมันเกิดจากการที่เราคุยกับคนคนหนึ่งแบบไม่มีสถานะชัดเจน และมันเป็นการมโนของเราไปฝ่ายเดียว เมื่อเค้าตีตัวออกห่าง ความเสียใจก็เกิดกับเราเพียงฝ่ายเดียวค่ะ เราคิดว่ามันหนักหนาสาหัสสำหรับเราทีเดียว ไม่สบายใจอยู่หลายเดือน พอมีวันหยุดติดกัน 3 วัน การตัดสินใจด่วนเพื่อไปพักให้สบายใจจึงเกิดขึ้น  

เราตัดสินใจซื้อตั๋วรถเมลล์เขียว จากเชียงใหม่ เดินทางสู่จังหวัดน่านค่ะ ที่เลือกน่าน เป็นเพราะเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลเชียงใหม่มากนัก (เราเป็นคนเชียงใหม่ค่ะ) แล้วเป็นเมืองที่สงบเงียบ น่าจะเหมาะกับการไปพักใจ
จริงๆเราเคยไปน่านมาแล้ว 2 ครั้ง  สมัยอยู่ ป.4 ครั้งนึงที่ไปกับคอรบครัว และเมื่อสิบปีที่แล้วสมัยจบ ป.ตรี ใหม่ๆ ครั้งนึงค่ะ
การไปน่านครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แต่ครั้งนี้ไปคนเดียวละซิ

การเที่ยวทริปนี้ก็จะเที่ยวแค่ในตัวเมือง เที่ยววัดเที่ยวา  ไม่ได้ออกไปเที่ยวป่าเที่ยวดอย เพราะเราไปแบบไม่มีรถค่ะ ไกลสุดที่เราไปในทริปนี้ก็คือ ออกนอกเมืองน่านไปเที่ยวหอศิลป์ริมน่านค่ะ

เริ่มต้นการเดินทาง วันที่ 23 ตุลาคม 2557  รถออกที่สถานีขนส่งเชียงใหม่ ซึ่งชาวเชียงใหม่เรียกว่า อาเขต  สำหรับเที่ยวรถจากเชียงใหม่ไปน่าน สามารถเช็คได้ตามเวปเดินรถของเมลล์เขียว ตาม link นี้เลยค่ะ  http://www.greenbusthailand.com/website/  

เราออกเดินทางตอนเช้า ไปถึงน่านก็บ่ายค่ะ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ไปถึงสถานีขนส่งน่าน  ก็นั่งรถรับจ้าง ให้ไปส่งที่พักค่ะ  
ที่พักที่เราไปพักชื่อว่า SP Guesthouse  เราจองผ่าน Agoda ด้วยระยะเวลากระชั้นชิด
จริงๆเราอ่านรีวิวในพันทิป เค้าแนะนำ รร.อื่นๆที่น่าสนใจเยอะค่ะ แต่ว่ามันเต็มหมดเพราะเราจองกระชั้นชิดเกิน

เราเจอห้อว่างที่ SP guesthouse ที่ราคาไม่แพงและยังว่างอยู่ เราก็เลย อ่ะ เอาวะ ลองดูละกัน   เราไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ สามารถ search และดูรูปได้จากเนตเลยค่ะ ใน agoda ก็มีรูปค่ะ (ขอยืมรูปจาก agoda มานะคะ)

แผนที่ ที่พักค่ะ SP Guesthouse

ส่วนนี่คือรูปเกสเฮ้าส์จากเวป Agoda นะคะ

อันนี้ส่วนหนึ่งของเอสพีเกสเฮ้าส์ค่ะ เราชอบมาก ถึงกะถ่ายรูปอัพไอจี รูปนี้เราถ่ายด้วย iPod touch นะคะ

เราว่า เอส พี เกสเฮ้าส์ ที่นี่โอเคเลยค่ะ ลักษณะจะเป็นเหมือนบ้าน พี่เจ้าของก็ใจดี ราคาก็ไม่แพง อบอุ่นดีค่ะ
เรายังคิดว่าถ้ามีโอกาสกลับไปเที่ยวเมืองน่านอีกเมื่อไหร่ ก็จะไปพักที่นี่แหล่ะค่ะ

รถ รับจ้างมาส่งเราที่ถนนสุมนเทวราช ใกล้ๆวัดหัวเวียงใต้  เราแวะหาก๋วยเตี๋ยวกินแถวนั้นก่อน แล้วก็ถามป้าคนขายถึงทางไปเกสเฮ้าส์ค่ะ ป้าชี้ไปให้เราเดินเข้าซอยต่อไปอีกนิดหน่อยก็ถึงค่ะ  
บ่ายแก่ๆเราเชคอินเข้าห้องพัก นอนพักแป๊บนึง พอให้หายเหนื่อยแล้วเย็นๆเราก็ออกมาเดินเล่นริมแม่น้ำน่านค่ะ
พี่ เจ้าของเกสเฮ้าส์บอกว่าเค้ามีซ้อมแข่งเรือแถวแม่น้ำน่าน เราก็อ่ะ ไปเดินเล่นริมน้ำน่านดีกว่า ทางไปแม่น้ำน่านก็เดินไปเรื่อยๆ ตามแผนที่ค่ะ อยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก หลงก็ถามชาวบ้านแถวนั้นได้ค่ะ คนน่านน่ารัก ใจดี

การมาเที่ยวครั้งนี้ บอกก่อนว่า เรามาแบบมือถือต่ออินเตอร์เนตไม่ได้นะคะ  จะใช้เนตได้ด้วย wifi จาก iPod touch เมื่ออยู่ที่พักที่มีฟรีไวไฟเท่านั้น  ดังนั้นการเดินทางของเราต้องมีแผนที่ เป็นแบบกระดาษไว้ค่ะ เราจะอาศัยอ่านแผนที่จากข้อมูลที่เราปริ้นมาค่ะ ซึ่งจริงๆแผนที่ของเมืองน่านก็สามารถขอได้ที่ที่พัก หรือตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หรือตามร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ค่ะ เป็นการท่องเที่ยวทำแผนที่ขึ้นเป็นแผนที่อย่างดีเลยค่ะ เพื่อประชาสัมพันธ์จังหวัด เสียดาย พอจบทริปเราก็ทิ้งแผนที่ตั้งแต่ปีที่แล้วไปละ

ไปถึงริมน้ำน่าน ก็เห็นเค้ากำลังซ้อมแข่งเรือ ซึ่งช่วงที่เราไปเที่ยวเค้าก็จะมีงานประเพณีแข่งเรือยาวพอดีค่ะ เอารูปบรรยากาศมาให้ดูค่ะ

สำหรับวันแรกที่ไปถึงเมืองน่าน เราก็เดินเล่นริมน้ำน่าน ดูบรรยากาศการซ้อมแข่งเรือง หลังจากนั้นเราก็เดินไปตลาด หาอะไรกิน และเข้าที่พักค่ะ
หมดหนึ่งวันสำหรับการเดินทางจากเชียงใหม่มาน่าน

เช้าวันถัดมา แผนของเราคือ การเดินเที่ยวไหว้พระวัดในตัวเมืองค่ะ จริงๆจะให้เป็นทริปไหว้พระ 9 วัด แต่คิดว่าคงไม่ถึง 9 วัดในหนึ่งวัน เพราะวันนี้เราใช้การเดินเท้าอย่างเดียวค่ะ
เราเอาแผนที่วัดในตัวเมืองน่านจากเวป www.chillpainai.com มาให้ดูด้วย  เราจะเดินเที่ยววัดตามแผนที่นี้เลย

ใครอยากดูแผนที่ชัดๆ กดขยายได้ในเวปนะคะ

เริ่มต้นกันเลยที่วัดแรก วัดที่อยู่ใกล้ที่พักเรามากที่สุด วัดหัวเวียงใต้ค่ะ  

อย่างที่บอกไปตอนต้น ทริปนี้เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากเราอกหัก ดังนั้นทุกวัดที่เราไป เราจะไหว้พระและอธิษฐานขอพร
ไม่ให้ได้ขอให้เค้าคนนั้นกลับมานะคะ แต่เราจะขอพรว่า ขอให้เรามีจิตใจที่เข้มแข็ง ขอให้เรายอมรับความจริงให้ได้ว่า ทุกสิ่งในโลกเป็นของไม่เที่ยง ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
ขอให้เรายอมรับกับการเปลี่ยนแปลงนั้นให้ได้ ประมาณนี้อ่ะค่ะ  และทุกวันที่อยู่น่าน เราฟังธรรมะก่อนนอนทุกคืน 555 บอกแล้วว่าอาการหนัก

ต่อไป วัดที่สอง เดินตะล๊อกต๊อกแต๊กไปเรื่อยเปื่อย ก็มาเจอวันนี้ค่ะ  วัดกู่คำ

ภายในวิหารค่ะ

อันนี้คือบริเวณภายในวัด รอบๆนอกวิหาร

วัดกู่คำนี้จะอยู่ตรงหัวมุม ระหว่างถนนสุมนเทวราช และถนนสุริยพงษ์ ค่ะ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นสถานีตำรวจ เราเดินออกมา เค้ากำลังมีขบวนแห่อะไรซักอย่างพอดี ถ่ายรูปไว้ไม่ทัน ถ่ายได้แค่นี้

ส่วนอีกฝั่งนึงของถนนสุมนเทวราช จะเป็นทางไปสวนสาธารณะศรีเมืองค่ะ

วัดต่อไป วัดที่สาม เราออกเดินไปทางด้านหลังๆของสถานีตำรวจ เพื่อไปวัดพญาภูค่ะ

ไหว้พระประธานภายในวิหารด้วย  มาเที่ยววัดแล้วอย่าเอาแต่ถ่ายรูปนะคะ เราไปวัดนึง เจอนักท่องเที่ยวกลุ่มนึง คนไทยนี่แหล่ะค่ะ
เข้ามาคือ ถ่ายๆๆ ถ่ายเซลฟี่ตัวเองอีก เสร็จละก็เดินออกไป 555 คือไม่มีไหว้พระ คิดอีกแง่นึง หรือพวกเค้าอาจจะไม่ไช่พุทธศาสนิกชนก็ได้มั๊ง

เดินออกจากวัดมา ตามตรอกซอกซอยเล็กๆ อ่ะๆๆ เจอกระจก ถ่ายตัวเองซะหน่อย อิอิ

เดินต่อมาเรื่อยๆ อุ๊ย เจอโรงแรมสวยๆๆ รร.คุ้มเมืองมินทร์ค่ะ ไม่ได้พักนะคะ ถ่ายได้แค่รอบๆนอกโรงแรม โรงแรมสวยมากค่ะ

เดินต่อมาเรื่อยๆ เจอป้านประชาสัมพันธ์งาน "น่าน ตำนานแห่งขุนเขา เมืองเก่าที่มีชีวิต"  
โอ๊ะ อะไรเรามาจะมาถูกช่วงแบบนี้

เดินมาถึงจุดสำคัญแล้วค่ะ ข่วงเมืองน่าน  
"ข่วง" ในภาษาเหนือ หมายถึง บริเวณที่เป็นลานกว้าง ที่โล่ง  
ข่วงเมือง ก็คือใจเมือง หรือศูนย์กลางเมือง อันถือเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณนานมา
อย่างเชียงใหม่ ก็จะมี ข่วงประตูท่าแพ เป็นต้นค่ะ

บริเวณใกล้ๆกับข่วงเมืองน่าน ก็จะมีวัดสำคัญอยู่ นั่นก็คือ วัดภูมินทร์ ค่ะ

ในบริเวณวัด ด้านหลัง เราเห็นเค้าขายพวกมาลัยดอกไม้แบบนี้อ่ะค่ะ ไม่รู้เรียกว่าอะไร รบกวนคนน่านมาเฉลย สวยดีค่ะ

มาดูภายในวิหารค่ะ วัดนี้เป็นวัดสำคัญและมีชื่อเสียงมาก คนเยอะมากค่ะ

ภายในวัดภูมินทร์ มีจิตกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ ซึ่งเป็นชาดกในพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังบอกเล่าเรื่องราว และวิถีชีวิตของชาวไทลื้อ  
ภาพจิตกรรมฝาผนัง สวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ  ข้อควรระวังอย่างนึงในการถ่ายรูปภาพจิตกรรมคือ ถ้าเค้าห้ามใช้แฟลช เราก็อย่าฝ่าฝืนนะคะ เพราะแสงแฟลชมันจะมีผลเสียต่อรูปภาพ ทำให้ภาพเสียได้ค่ะ ตอนนี้เราไปก็เจอคนไทยนี่แหล่ะ ตัวดี ใช้แฟลช เราก็เข้าไปเตือนเค้าเลยค่ะ -_-"

รูปภาพจิตกรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในวิหารนี้ คือภาพนี้เลยค่ะ ปู่ม่าน- ย่าม่าน  เป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกระซิบสนทนา
เค้าเรียกกันว่าเป็นภาพ "กระซิบรักบันลือโลก" ศิลปินที่วาดภาพเป็นชาวไทลื้อ ชื่อว่า หนานบัวผัน ค่ะ  
ภาพนี้ก็กลายเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองน่านที่ไปปรากฏอยู่ในสินค้าจำนวนมากที่ระลีกจำนวนมากค่ะ
คือเห็นรูปนี้ต้องรู้เลยว่า คือเมืองน่าน

รูปด้านนอกวัดภูมินทร์ อีกซักหน่อย  จริงๆที่วัดนี้มีไกด์เด็กๆ ที่เป็นเด็กท้องถิ่น ประมาณว่าเป็นมัคคุเทศน์น้อย นำเที่ยว และเล่าประวัติความเป็นไปของวัดด้วยนะคะ แต่พอดีเรามาคนเดียวอ่า ไม่เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจของน้องๆเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ

ใกล้ๆวัดภูมินทร์ มีศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวเมืองน่าน  ร้านกาแฟ  และร้านขายของที่ระลึก อยู่ใกล้ๆด้วยค่ะ สามารถไปสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวหรือขอแผนที่ได้ เราเข้าไปนั่งพักกินกาแฟแป๊บนึง มีจุดนี้ให้ถ่ายรูปเล่นด้วย

ใกล้ๆกัน เดินมาฝั่งตรงข้ามด้านหน้าวัดภูมินทร์ จะเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง  "พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน"  ค่ะ
ที่นี่ จุดที่มีชื่อเสียงและคนนิยมมาถ่ายรูป ก็คงจะต้องเป็นจุดนี้เลยค่ะ ซุ้มต้นลีลาวดี หรือต้นจำปาลาวนั่นเองค่ะ

รูปด้านหน้าทางเข้าแบบเดินเท้าของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน

ซุ้มต้นลีลาวดีอันโด่งดัง

ขอเซลฟี่หน่อยใช้ iPod ติดเลนส์ฟิชอาย ถ่ายผ่าน app B612 ค่ะ

มาดูวิวรอบๆพิพิธภัณฑ์กันค่ะ ที่นี่สวยดีนะเราชอบ เห็นหนุ่มศิลปินคนนึงมานั่งวาดภาพตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ด้วยค่ะ

นี่เลย หนุ่มศิลปินวาดภาพ อิอิ

อันนี้มองจากในบริเวณพิพิธภัณฑ์ออกไป ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นวัดช้างค้ำวรวิหาร ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปเดินเที่ยวไหว้พระกันค่ะ

แต่เดี๋ยวเราจะขอเดินเข้าไปดูด้านในพิพิธภัณฑ์ซักหน่อย ไหนๆก็มาละ

เข้ามาดูด้านในกันค่ะ ซื้อตั๋วก่อน จำราคาไม่ได้ รู้แต่ว่าไม่แพงค่ะ
พิพิธภัณฑ์ มี 2 ชั้นนะคะ
อาคารด้านล่างจะใช้แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชาติพันธุ์วิทยาเกี่ยวกับวิถี ชีวิตความเป็นอยู่ของชาว และชาวไทยพื้นเมืองภาคเหนือ และชนเผ่าต่างๆที่อาศัยอยู่ในจังหวัดน่านค่ะ

ส่วนด้านบน แสดงโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะของเมืองน่านตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันค่ะ
และยังมีโบราณวัตถุที่สำคัญ ซึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองน่าน อยู่ที่นี่ด้วยค่ะ
นั่นคือ "งาช้างดำ"

ไฮไลต์ของที่นี่ งาช้างดำ ค่ะ

วัดทีห้าของการเที่ยวไหว้พระวันนี้ค่ะ  วัดช้างค้ำ อยู่ฝั่งตรงข้าม ด้านหน้าของพิพิภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน ค่ะ

ด้านหน้าวิหารวัดช้างค้ำ

ภายในวิหารวัดช้างค้ำค่ะ เราเจอทีมงานมาถ่ายทำรายการกบนอกกะลาด้วยล่ะ คิดว่าเป็ยรายการกบนอกกะลานะคะ ถ้าจำพิธีกรไม่ผิด  ผู้หญิงที่ยืนอยู่ขวามือนั่นเองค่า

พระประธานองค์ใหญ่ค่ะ

กลับออกมาด้านนอกวิหารค่ะ รูปอีกมุมนึงของวิหารวัดช้างค้ำ

วัดที่หกค่ะ เราเดินมาทิศเหนือของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ แค่ข้ามถนนมา ก็จะเจอกับวัดหัวข่วง

ไหว้พระเสร็จจากวัดหัวข่วง เราเดินย้อนกลับเข้ามาพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอีกครั้ง เพื่อเดินลัดกลับมายังถนนสุริยพงษ์ เพื่อเดินไปวัดมิ่งเมืองค่ะ
วัดมิ่งเมือง เป็นวัดที่มีเอกลักษณ์และจุดเด่นก็คือ เป็นวัดที่เป็นที่ประดิษฐานของของศาลหลักเมืองน่าน ที่ชาวน่านให้ความเคารพบูชา
นอกจากนี้วิหารของวัดมิ่งเมือง เป็นลักษณะปูนปั้น สีขาวเหมือนงาช้าง ภายในวิหารก็มีภาพจิตกรรมฝาผนังที่สวยงามอยู่ด้วยค่ะ

ที่วัดนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปในวิหารมานะคะ เพราะเราเหนื่อยและร้อนมาก นั่งพักด้านนอนวิหาร รับลมเย็นๆอยู่นานเลยค่ะ

ณ เวลาบ่ายแก่ๆ เราไหว้พระได้ 7 วัดแล้ว ภายในหนึ่งวัน เหลืออีก 2 วัดเพื่อให้ครบภารกิจ 9 วัน แต่เราไม่ไหวล้าววววววว พี่เหนื่อย พี่เพลีย 5555
เพราะวันนี้เราใช้ขาเดินๆๆ ทั้งวันเลยค่ะ เหนื่อยมาก เลยตัดสินใจเดินกลับที่พักดีกว่า กะว่าจะเข้าไปพักก่อน แล้วเย็นๆก็ออกมาดูแข่งเรือ
และมาเดินเที่ยวถนนคนเดิน แถวบริเวณข่วงเมืองน่านค่ะ

หลังจากพักหลับไปหนึ่งงีบ ล้างหน้าล้างตาออกมา เราก็ไปเดินบริเวณริมน้ำน่านกันค่ะ เค้ามีขายของแบบอารมณ์คล้ายๆงานวัด คนเยอะมาก
เราดูเค้าแข่งเรือกันหน่อยนึง ฟังเสียงคนพากษ์แล้วมันมาก  นี่เป็นบรรยากาศการแข่งเรือค่ะ

ส่วนนี่เป็นบรรยากศยามค่ำคืน บริเวณข่วงเมืองน่านค่ะ มีงานขันโตกด้วย เราได้แต่แอบถ่ายรูปอยู่ด้านนอก ในงานยังไม่ค่อยมีคนมา

แม่หญิ๋งงามแห่งเมืองน่าน

วิหารช้างค้ำยามค่ะคืน เปิดไฟส่อง สวยเชียวค่ะ

เช้าวันถัดมา วันนี้เราตัดสินใจไปนอกเมืองค่ะ วันนี้จะไปไกล จะใช้ขาเดินก็ไม่ไหวแร่ะ ตัวช่วยของเราคือรถเครื่องเลยจร้าาาา รถเครื่องที่บ้านเราเรียก ก็คือมอเตอร์ไซค์นั่นเองค่ะ ตอนแรกว่าจะจองกับที่พัก แต่ไม่เจอพี่เจ้าของเลย เราก็เลยเดินๆมาแถวหน้าตลาด ใกล้ๆกับ รร.เทวราช อ่ะค่ะ
แถวนั้นจะมีร้านให้เช่าจักรยาน มอเตอร์ไซค์อยู่ เราก็จัดมา 1 วางเงินมัดจำจ่ายเงินอะไรไป หยิบแผนที่ ก็พร้อมออกเดินทาง

วันนี้เราจะไปหอศิลป์ริมน่าน กันค่ะ  ก่อนอื่นก็ต้องแวะหาปั๊มเติมน้ำมันให้เต็มก่อน เพื่อความชัวร์
ก่อนไปวัด เราแวะไหว้พระที่วัดสวนตาล กันก่อนค่ะ เพราะเป็นทางที่ไปหอศิลป์พอดี

วัดสวนตาลค่ะ เห็นรถเครื่องสีน้ำเงินในรูปมั๊ย นั่นแหล่ะค่ะ เพื่อนคู่ใจของเราวันนี้ อิอิ

จากวัดสวนตาล เราใช้ทางหลวงหมายเลข 101 ผ่านทางที่จะไปสนามบินน่าน ออกนอกเมืองไปเรื่อยๆค่ะ
ระยะทางประมาณ 22 กิโล  ขี่ไป ก็ถามทางชาวบ้านไปตลอดว่าเมื่อไหร่จะถึง ฮ่าๆๆ สำหรับเด็กต่างจังหวัด แต่บ้านอยู่ในตัวเมืองอย่างเรา
ไม่เคยได้ขี่รถเครื่องไกลๆแบบนี้มาก่อนค่ะ  แต่ระหว่างทางไปหอศิลป์ มีช่วงนึงที่เป็นต้นไม้คลุมเหมือนอุโมงค์เลย ร่มรื่นดีค่ะ เราชอบ
วันนี้แดดจ้า ถ่ายท้องฟ้าออกมาเป็นสีฟ้า ไม่เหมือนสองวันก่อน ถ่ายท้องฟ้า ได้ออกมาเป็นสีเทา
อิอิ เป็นสัจธรรมให้เราได้เรียนรู้ด้วยว่า ไม่มีอะไรที่แน่นอน ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง มีวันฟ้าหม่น ก็ต้องมีวันฟ้าสดใสซักวันค่ะ ฮ่าๆๆๆ

บรยยากาศระหว่างทางค่ะ  แวะจอดรถมอเตอร์ไซค์ถ่ายรูปริมทาง อันนี้ใช้ iPod touch ถ่าย

ขี่รถมอเตอร์ไซค์เรื่อยๆมาประมาณชั่วโมงนึง ก็ถึงแล้วจร้าา

ขี่รถเครื่องเข้าไปจอดข้างในเลยค่ะ  เสียเงินค่าเข้าชมนิดหน่อย

หอศิลป์ริมน่านนี้ ก่อตั้งโดยศิลปินชาวน่าน ชื่อว่า "วินัย ปราบริปู"  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ห่างออกมาจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร ค่ะ
หอศิปล์ที่นี่มีการจัดแสดงทั้งนิทรรศการถาวร และนิทรรศการหมุนเวียนแสดงอยู่ค่ะ

ภาพฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพฯ ค่ะ

รูปนี้ท่านทรงรูปล้อเลียน ภาพกระซิบรักบันลือโลก ของปู่ม่าน - ย่าม่านค่ะ น่ารักเชียว ชื่อภาพว่า "ตะโกน"

ส่วนนี้เป็นอาคารอีกหลัง มีชื่อว่าเฮือนศรีนวล ขายของที่ระลึก และมีกาแฟขายด้วยค่ะ
เราสั่งชาเย็น นั่งกินชิวๆ ริมแม่น้ำน่าน

แม่น้ำน่าน น้ำสีแดงโคลนมาก

เมื่นเดินดูภาพ และนั่งพักกินชาเย็น ชิวๆ ริมแม่น้ำน่านแล้ว ได้เวลากลับเข้าเมืองน่านต่อค่ะ  
ภารกิจหลักของวันสุดท้ายนี่คือ  เราจะไปไหว้พระอีกหลายวัดที่ยังค้างจากเมื่อวานนี้อยู่ค่ะ อิอิ

กลับละน๊าาา ขี่รถเครื่องกลับเข้าเมืองกันค่า

เข้าเมืองน่านมา เราก็แวะหาอะไรกินเป็นมื้อเที่ยง และออกเดินทางไปเก็บตกไหว้พระและถ่ายรูปยังวัดสำคัญๆที่เหลือค่ะ
วันนี้สบาย ไม่ต้องเดิน เป็นแว้นส์สาวอย่างเดียว อิอิ

เริ่มด้วยวัดศรีพันต้น วัดนี้วิหารและอุโบสถ เป็นปูนปั้นจิตกรรมอันสวยงาม และใช้สีทองเหลืองอร่ามไปทั้งหลังเลยค่ะ

เสร็จจากวัดศรีพันต้น  แดดยังร้อนแรงอยู่ เราเลยหาร้านกาแฟน่ารักๆ นั่งพักอีกแล้ว
ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านร้านนี้ค่ะ "น. น่าน"  พิกัดจะอยู่แถวถนนผากอง เลยวัดหัวข่วงมานิดนึงค่ะ  
เราซื้อโปสการ์ดจากร้านนี้ เขียนส่งถึงตัวเองด้วย  

รอแดดร่มลมตก แป๊บนึง เราก็แว้นส์ต่อไปยังวัดพระธาตุเขาน้อยค่ะ
ก่อนขึ้นวัดพระธาตุเขาน้อย ก็แวะวัดเล็กๆที่ชื่อว่า วัดพญาวัด ซึ่งเป็นทางผ่านไปเขาน้อยค่ะ

ทางมายังวัดพระธาตุเขาน้อย ต้องออกนอกเมืองมาตามถนนหลวงหมายเลข 101 แต่เป็นทิศที่จะไป จ.แพร่ ค่ะ
แล้วเลี้ยวต่อไปยังถนนหมายเลข 1025  เราก็จะเจอวัดพญาวัด ก่อนค่ะ แวะวัดนี้ก่อนเลย >> วัดพญาวัด

ขอตั้งกล้องถ่ายตัวเองหน่อยจ้า มาคนเดียว ไม่มีคนถ่ายรูปให้ ก็ต้องถ่ายตัวเองให้ได้นะ T_T

ไหว้พระ ถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองเสร็จ ก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์ แว้นส์ขึ้นเขาต่อค่ะ ทางชันนิดๆหน่อยๆ พอแว้นส์ได้ค่ะ
ขึ้นไปบนยอดวัดพระธาตุเขาน้อยกันเลยยย

ถึงแล้วค่ะ วัดพระธาตุเขาน้อย

วิวเมืองน่านมุมสูง สวยมาก เราอยู่ที่นี่ซะนานเลย

ไหว้พระวัดสุดท้ายแล้วค่ะ จากวัดพระธาตุเขาน้อย เราขี่มอเตอร์ไซค์ลงเขา ย้อนกลับเข้าไปในเมือง
แล้วข้ามสะพานข้ามแม่น้ำน่าน ไปตามเส้นทางสายน่าน-แม่จริม หรือทางหลวงหมายเลข 1168 อีกประมาณ 3 กิโลเมตรค่ะ  วัดพระธาตุแช่แห้งนี้เรามาเป็นครั้งที่สองแล่ววว ครั้งแรกมาตอนเล็กๆ จำอะไรไม่ได้เลย

ตอนที่เราไป เค้าเพิ่งมีงานถวายกระฐินพระราชทานเสร็จไปค่ะ

ในบริเวณวัด มีจำลององค์เจดีย์ชเวดากองมาด้วย เราเกิดปีม้า ต้องไปไหว้เจดีย์ชเวดากองที่พม่าให้ได้ซักวัน