หลงรักภูเขาที่...กาญจนบุรี
อันดับแรกขอกล่าวอะไรหน่อย..อิอิ ชื่อหัวข้ออันนี้ได้มาจากความประใจล้วนๆช่วงขากลับ ที่ได้ไปเห็นวิวภูเขากับแสงแดดยามเย็นสีส้มๆบวกกับเมฆหน่อยๆบนท้องฟ้า ดูแล้วสวยเข้ากันมากเลย ยิ่งตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินนะ หูวววววว สวยสุดๆภาพยังติดยังติดอยู่ในหัวเลย ตอนนั้นในใจก็คิดแล้วว่าอยากจะมารีวิวในพันทิปดูบ้าง จากภาพที่เห็นและความรู้สึกที่มี ณ ตอนนั้นก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาเลยว่ากระทู้เรามีชื่อล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ อาจดูเว่อๆฝันๆไปหน่อย แต่เรารู้สึกหลงรักช่วงเวลาที่ไดเห็นภาพนั้นจริงๆนะ และก็หวังด้วยว่าทุกคนที่มาอ่านกระทู้นี้ก็คงรู้สึกหลงรักภูเขาที่..กาญจนบุรีเหมือนกับเราบ้าง
______________________________
มา !!!เข้าเรื่องเลยล่ะกัน
เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน ได้มีโอกาสไปเที่ยวกาญจนบุรีกันมา ที่เลือกมาเมืองกาญฯ ก็คือว่าไม่ไกลมากแล้วพวกเราก็สามารถเที่ยวได้แค่ในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ตอนแรกก็คิดไว้ว่าจะไปทางภาคเหนือนะแต่เนื่องจากเวลาจำกัดค่ะ เพื่อนก็ทำงานกัน เราก็มีเรียน ก็เลยเลือกกาญจนบุรีนี่ล่ะ!!!!!
พวกเราออกเดินทางจากศาลายา นครปฐมค่ะ ขับรถไปกันเอง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงตัวเมืองกาญจนบุรีค่ะ แวะที่ทางรถไฟสายมรณะกะว่าถ่ายรูปเก๋ๆ แต่คนเยอะมากและแดดแรงมากด้วย ก็เลยตัดสินใจว่าย้ายที่กันเถอะ 5555 จากตัวเมืองกาญจนบุรีก็ขับต่ออีกประมาณ 80 กิโลเมตร เพื่อไปที่หมายแรกของเราคือ พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด อยู่ที่ อ.ไทรโยค ค่ะ
บรรยากาศระหว่างทาง
ถึงแล้ว พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด(ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมนะ)
ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแดงเรื่องราวขอการร้างทางรถไฟ สมัยสงครามโลกครั้งที่2 และส่วนด้านหลังพิพิธภัณฑ์ก็เป็นเส้นทางสำหรับเดินลงไปยังบริเวณช่องเขาขาด
สองคนนี้...เพื่อนร่วมเที่ยวในครั้งนี้
เดินได้สักพัก เห็นฟ้าครึ้มๆมาแต่ไกล เมฆฝนพัดมาจากทางภูเขาอย่างเร็วมาก แต่พวกเราเพิ่งเดินมาถึงตรงที่เป็นช่องขาดที่ขาดพอดี แล้วก็ถ่ายได้ไม่กี่รูปเอง เง้อออ สุดท้ายทุกคนตัดสินใจ สู้ฝนตก!!!!!! พวกเรารอดจากฝนโดยถือเสื้อกันฝนที่มีอยู่ตัวเดียว55 ช่วยกันถือคนล่ะมุม ก็พอกันฝนให้กล้องได้ ฮ่าๆๆ ตัวเปียกไม่เป็นไรกล้องปลอดภัยก็พอ555 ยืนตากฝนอยู่สักพักเห็นแก๊งป้าๆนักท่องเที่ยวเดินกลันกัน เริ่มจะหวั่นไหวขึ้นมาอยากจะกลับบ้างล่ะ แต่ท่องไว้ว่า....หลังฝนตกมันต้องสวยสุดๆแน่นอน แล้วก้เป็นอย่างนั้นจริงๆนะทุกคน คือฟินมากก ฟินเฟ้อออ แดดมา บรรยากาศดี สดชื่น อย่างสวย (ดีใจที่ตัดสินใจไม่เดินกลับไปก่อน)
ตรงนี้คือช่องเขาขาด ใช้แรงงานคนขุด ดูแล้วลึกมากๆเลยนะ
จากตรงส่วนช่องเขาขาดสามารถเดินต่ออีกมหลายกิโลเมตรอยู่เหมือนกัน ถ้าใครเดินเก่งก็ลองดูได้ แต่พวกเราเดินกันถึงแค่ตรงช่วงที่เป็นช่องเขาขาดเอง 55อยากกลับที่พักแล้ววว
ขากลับ...หลังฝนตกรู้สึกว่าป่ามันเขียวๆกว่าเดิมเนอะๆ
ถ่ายรูปจนเบื่อกันแล้วก็ บ๊ายบาย ช่องเขาขาด กลับที่พักกันค่ะ
พวกเราพักที่ The Hub Erawan ค่ะ ติดแม่น้ำแควใหญ่ อยู่ที่ อ.ศรีสวัสดิ์ ขากลับหลังฝนตกมองเห็นวิวข้างทางสวยมากๆเลย แต่ไม่แวะเลยอยากกลับโดดนี่รีสอร์ทจะแย่แล้ว 555
เห็นถ่ายแพมาแบบนี้อาจเข้าใจผิดพวกเราพักแพกัน จริงๆไม่ได้พักแพหรอก ตอนโทรไปเต็มหมดแล้วอ่ะ (จองไม่ทัน...เสียใจนิดๆ) เหลือบ้านพักบ้านทาซานหลังสุดท้าย อย่างน้อยก็ติดลำธาร
วันที่สอง หลังจากกินอาหารเช้า check out อย่างรวดเร็วเพื่อไปน้ำตกเอราวัณ ระยะทางจากรีสอร์ทน้ำตกไม่ไกลมาก 10-15 นาที ก็ถึง ก็เลยตื่นสายกัน ชิวๆช้าๆ แบบ Slow life หึหึ เมื่อถึงน้ำตกปรากฏว่า โอ้แม่เจ้า!!!! คนเป็นร้อย เสียใจเล็กๆ แต่ต้องทำใจเที่ยวเสาร์-อาทิตย์อ่ะนะ
คนเต็มไปหมด เริ่มถ่ายที่ชั้น2 ล่ะกัน ปลาเยอะแยะ คนยั้วเยี้ยกันเลยที่เดียว
เดินมาเรื่อยๆ ตรงไหนคนเยอะก็ไม่ได้แวะ รูปนี้ถึงจุดชมวิว มองเห็นภูเขาแล้วก็ลมเย็นๆ รู้สึกฟินเบาๆที่ได้อยู่ท่ามกลางภูเขาแบบนี้
หายเหนื่อยแล้วก็เดินต่อ สักพักเจอธารน้ำเล็กๆสวยดี พวกเราสามคนปักหลักอยู่อันนี้นานสุดเลย
จะบอกว่าปลาดุมาก เท้าลงน้ำปุ๊บว่ายมาดูดเท้าทันที ตัวสองตัวไม่ว่าแต่มาที่หลักสิบ(ขึ้นมานี่เท้าเนียนกันเลยที่เดียว)
เดินเรื่อยๆถึงชั้นไหนแล้วก็ไม่รู้
ยิ่งไปชั้นสูงๆทางยิ่งชัน ขึ้นเนินลงน้ำสนุกดี
มาก็ถึงชั้นที่ 6 ดงพฤกษา ที่นี่ล่ะดูคนน้อยสุดล่ะ (มุมนี้ปลอดคนสุดๆ)
ถึงแล้วววว!!!! เอราวัณชั้น7 ภูผาเอราวัณ นำ้ตกน้อยไปหน่อย(ไม่มีเลยดีกว่า555) ไม่ค่อยเหมือนช้างเท่าไหร่เหมือนสิงโตมากกว่าเนอะๆๆ
ตอนนี้น้ำตกยังไม่เยอะไหร่ แล้วก็ไม่เจอมุมที่ใช่ (แอบผิดหวังเล็กๆ) คนเยอะสุดๆไปเลย ไม่รู้จะถ่ายยังไงยากจัง เริ่มเซง.....ดูนาฬิกาจะบ่ายสามล่ะ พักหายเหนื่อยแล้วก็ลงกันเถอะ
ขาลงได้เห็นมุมที่ต่างออกไป ป่าที่นี่ชุมชื้นมาก มีผีเสื้อให้เห็นเรื่อยๆ
อีมุมหนึ่งของเอราวัณ
นำ้ตกเย็นๆใสๆ...น่าเล่นที่สุด
พักสักแพร๊บ
ขาลงนี่ไวมาก
ที่น้ำตกเอราวัญใช้เวลา(เดิน+พัก+ถ่ายรูป)ก็ประมาณสี่ชั่วโมงกว่า นานมาก ลงมานี่ล้าสุดๆเลย เสียดายน้ำตกน้ำน้อยไปหน่อย แต่สัญญาว่าจะกลับมาอีกแน่นอน
ตอนกลับออกจากเอราวัณมองดูข้างทางมีแต่ต้นไม้เขียวเต็มไปหมด มองสูงขึ้นไปเจอภูเขากับแสงแดดส้มๆช่วงเย็นนี่มันสวยจริงๆ จากนั้นก็แวะเขื่อนทุ่งนาถ่ายรูปเป็นลำดับสุดท้าย ก่อนบ๊ายบายกาญจนบุรี
วิวแจ่มๆที่เขื่อนทุ่งนา
อันนี้รูปสุดท้ายก่อนกล้องแบตหมด เสียใจและเสียดายมาก อยากถ่ายภูเขาไว้เยอะๆกว่านี้อีกหน่อย
สำหรับค่าใช้จ่ายในครั้งนี้
ค่าห้อง 2,500 บาท
ค่ากิน 505 บาท
ค่าน้ำมัน 600 บาท
รวม 3,606 บาท หาร 3 ก็คนล่ะ 1,201 บาทค่ะ
ขอบคุณที่เข้าชมนะ ถ้าชอบ แวะมาดูภาพอื่นๆได้อีกเน้ออออ ที่ Instagram: YANEE_AKU นะจ๊ะ
สวัสดี