ไปกาญจนบุรี :) ไปไหนได้บ้าง...

ทริป 2 วัน 1 คืน ไปกาญจนบุรี...ไปไหนได้บ้าง :)

ทริปนี้เป็นทริปที่มีผู้ร่วมเดินทางเยอะมาก มาก มากถึง 20 กว่าชีวิต

อ่านไม่ผิดแน่นอนค่ะ คน 20 กว่าคน กับกระบะ 6 คัน

มาดูกันว่าพวกเรา จะไปไหนได้บ้างที่กาญจนบุรี

แค่จำนวนคนก็เหนื่อยแล้ว 55+ พวกเรานัดกันตามจุดนะคะ สำหรับเรากับพี่ที่ไปรถคันเดียวกัน

นัดเจอกันที่เซ็นทรัลลาดพร้าวค่ะ เมื่อมาครบแล้วก็ออกเดินทางกัน

เดินทางออกจากกรุงเทพเวลา 7.30 น. ค่ะ เราจะไปนัดเจอกันกับพวกระหว่างทางอีกทีค่ะ

เริ่มต้นการเดินทางค่ะ

--

วันที่ 2 ธันวาคม 2560 จุดมุ่งหมายของเรา คือ เขื่อนศรีนครินทร์ ค่ะ

เวลาที่เราจะถึงปลายทางประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ค่ะ

แต่เนื่องจากจำนวนสมาชิกที่เยอะ และต้องขับตามๆ กัน ก็ทำให้ใช้เวลานานพอสมควรค่ะ

พวกเรานัดเจอกันที่ปั๊มแถวนครปฐค่ะ กว่าจะครบก็นานอยู่นะคะ ^^

ระหว่างทาง พวกเราต้องแวะซื้อของเพื่อที่จะไว้ทำกับข้าวกินบนแพค่ะ

1 คืนบนแพ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ การจองแพ พวกเราจองล่วงหน้าประมาณ 1 เดือนนะคะ

การเดินทางที่ยาวนาน พวกเรามาถึงแพ เวลา บ่าย 2 กว่าแล้ว 55+

มั่วแต่แวะกิน แวะรอ แวะพัก แวะซื้อของ จริงๆ ระหว่างทางเราผ่านเมือง เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ด้วยค่ะ

แต่ไม่ได้แวะ เพราะถ้าแวะ คิอว่าจะถึงแพตอนเย็นแน่ค่ะ

และแล้วเมื่อถึงแพ อยากบอกว่า บรรยากาศดีมากค่ะ ลงรถปุ๊บ ก็สัมผัสกับลมเย็นๆ แล้วค่ะ

ภาพที่เห็นจะมีแพหลายๆ แบบ มีความหลากหลายสีสัน และจากจำนวนที่เยอะมากของพวกเรา

แพที่เราจองไว้ ชื่อว่า แพน้ำทิพย์ ค่ะ มีคนขับเรือประจำแพ 2 คนนะคะ

อ่อ ลืมบอกราคาแพที่เราจองค่ะ ราคาอยู่ที่ 9500 ค่ะ ในเรือมีเครื่องปั่นไฟนะคะ

แต่มีกฎห้ามนิดนึง คือ ห้ามใช้ที่ไดร์ผม กับที่หนีบผมค่ะ เพราะจะทำให้ไฟ ไม่เสถียรค่ะ ^^

เพราะพี่กับลุงใจดี เลยถ่ายป้ายมาลงด้วย (เผื่อมีเพื่อนๆ สนใจไป ^^)

แพที่จองจะเป็น 2 ชั้น ค่ะ มี 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำค่ะ ซึ่งโดยรวมถือว่าดีเลยค่ะ

เพราะตอนถึงแพ ก็วิ่งขึ้นไปดูห้องนอนก่อนเลย เพราะเป็นคนกลัวผีมาก

เลยต้องเห็นก่อนว่าห้องนอนเป็นยังไง 55+ เพื่อความสบายใจ ห้องนอน 1 ห้อง นอนได้ประมาณ 6 คนค่ะ ^^

ในแพมีอุปกรณ์ทำครัวให้เราครบเลย ทั้ง หม้อ กะทะ จาน ช้อน ทุกๆ อย่าง

เราเตรียมไปแค่ของสดที่จะทำกินกัน แค่นั้นเลยค่ะ เตาแก๊สก็มีถังแก๊สให้ด้วยค่ะ ^^

มัวแต่พูดถึงแต่เรื่อง ห้องนอน ของกิน เราจะพาไปชมบรรยากาศกันบ้างนะคะ

- เริ่มต้นการล่องแพ -

แพล่องด้วยความเร็วพอสมควรนะคะ แต่ด้วยแพใหญ่ จะไม่รู้สึกโครงเครงนะคะ

ล่องไปเรื่อย เราจะเห็นวิวแบบกว้างมากๆ ค่ะ มองไปแล้วแบบ เบาสมองมาก

ลมพัดตีหน้า หัวยุ้งตลอด 55+ การล่องแพค่ะ

ล่องแพออกไปสักพัก ประมาณ 20 - 30 นาที ก็จะนำแพมาจอดแถวๆ เกาะค่ะ

จากนั้นพวกเรา บางสวนก็ลงเล่นน้ำ บางส่วนก็เริ่มทำกับข้าวสำหรับมื้อเย็นกันค่ะ

บนเรือมีเสื้อชูชีพ พอกับจำนวนคนนะคะ มีครบทุกไซท์ด้วยค่ะ

ก่อนลงทำทุกครั้ง ต้องใส่เสื้อชูชีพนะคะ เพราะน้ำลึกมาก ต้องปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ

น้ำเย็นมากค่ะ ลงไปสักพักจะหนาวมากกกกกกก....

จริงๆ เราไม่ได้ลงน้ำหรอกแค่เอาขาแตะๆ เพราะเราอยากถ่ายรูปมากกว่า ^^

เล่นน้ำข้างๆ แพสักพัก พี่คนขับเรือก็เดินมาบอกว่า เดี่ยวจะพาลากแพเปียก

อะไรคือ แพเปียก นั่นก็คือ แพไม้ไผ่ นั่นแหละจ้า

เมื่อสมาชิกพร้อม จากภาพ ถามจริง แพจะรับน้ำหนักหมดใช่มั้ย ??

คนครบแล้ว ก็ลากไปเลยจ้า....

รูปนี้เป็นแพก่อนหน้าแพของเรา ตัดมาที่แพของเราต่อนะคะ ^^"

ความวุ่นวายนี้ อ่อ อีกอย่างที่อยากเล่าให้ฟัง พวกเรา 20 กว่าคน มีครบทุกวัยนะคะ

อายุน้อยสุด อยู่ที่ประมาณ 6 ขวบ ไปจนถึงแม่ของพี่เค้า ก็เกือบ 50 ปี

เป็นทริปที่มีความหลากหลายของวัย และจำนวนที่เยอะประหนึ่งไปงานสัมมนา 55+

เป็นความสนุกที่เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ ทุกคนเข้ากันได้ แบบ เฮ้ย !! เราเป็นเพื่อนกันได้

จริงๆ พวกเราทุกคนเจอกันในเกมค่ะ พอรู้จักกันก็นัดเจอกันค่ะ 

ก่อนหน้านี้พวกเรามีทริปไปเช้า-เย็นกลับ ค่ะ เพื่อให้ได้รู้จักกันก่อน

พอรู้จักกันแล้ว เลยมีทริปที่ 2 ตามมา เลยเหมือนได้รู้จักกับเพิ่มขึ้นไปอีกค่ะ 55+

ย้ำ !! อีกครั้ง ว่าวิวสวยมาก ดีงามมาก คือมันดีจริงๆ ค่ะ

จริงๆ เราไปเขื่อนบ่อยค่ะ แต่นานๆ จะมีโอกาสไปล่องแพสักที ครั้งนี้เลยฟินมาก

เมื่อเวลาเริ่มเย็น พี่กับลุงคนขับเรือ ก็ลากพวกเรากลับแพค่ะ

ดูหน้าแต่ละคน เหมือนยังไม่อยากกลับ 55+

กลับมาทุกคนก็ยังไม่หมดพลังงานนะคะ อาบน้ำเรียบร้อย จากนั่นรออะไรล่ะ ตั้งวงค่ะ 55+

กับข้าวตอนเย็น มีทั้ง กุ้งแม่น้ำ ปลาย่างเกลือ ปลาหมึกนึงมะนาว ต้มยำ 

คือเยอะมากค่ะ พี่ๆ ในทริปนี้ทำอาหารอร่อยมาก และตามสไตท์ของเราคนเขียน

เมื่อของกินอยู่ตรงหน้า เราก็ทิ้งกล้องตลอดค่ะ คือเห็นของกินไม่ได้ 55+

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เกือบเที่ยงคืน ดวงจันทร์ ดวงใหญ่มากค่ะ เพราะว่าใกล้ถึงวันที่

เรียกว่า ซุปเปอร์มูน ค่ะ ส่วนนี้เราไม่ได้ถ่ายไว้นะคะ ต้องดูด้วยตา และสัมผัสด้วยใจค่ะ

จากนั้นเราก็ไปนอนค่ะ ปล่อยให้พวกพี่ๆ เค้าตั้งวงกันต่อไป เราขอไปนอนก่อน ^^

--

เช้าวันต่อมา 3 ธันวาคม 2560 จริงๆ เราตื่นมา ตอนตี 4 หนาวมากกกกค่ะ แต่ดวงจันทร์สวย

อากาศกลางคืน จะเย็นเหมือนเปิดแอร์เลยค่ะ ^^

และอาหารที่พวกเรากินกับเมื่อคืน พี่คนขับเรือบอกว่าให้เก็บแยกเอาไว้ค่ะ

ตอนเช้าพี่เค้าจะพาไปให้อาหาร หมูป่า ค่ะ จะรออะไรอยู่ ประมาณ 8 โมงเช้า ก็ไปกันเลยค่ะ

ภาพที่เห็นสีสวยกว่านี้อีกค่ะ ^^

แพไม้ไผ่ที่คุ้นตา 55+

และแล้วพวกเราก็มาถึงจุดที่ให้อาหารหมูป่าค่ะ

โยนอาหารไปปุ๊บ หมูก็ลงมาเลยจ้า กินให้อร่อยนะจ๊ะ

ให้อาหารจุดหมดแพล่ะ ก็ยังมีหมูป่า แวะมาจ้า....

รวมๆ หมูป่าที่เราเห็น ก็เกือบๆ 10 ตัวค่ะ จากนั้นก็ลงเล่นน้ำกันก่อนที่จะลากแพกลับค่ะ

...ลอยไปลอยมา...

เวลาผ่านไป ไวไปไหน เป็นเวลาที่เราต้องกลับขึ้นฝั่งแล้วค่ะ

อาบน้ำแต่งตัว เพื่อจะเดินทางต่อไปยังสถานีต่อไปค่ะ ไว้เจอกันใหม่นะ เขื่อนศรีนครินทร์...

พวกออกจากแพ ประมาณเที่ยงค่ะ จากนั้นก็เดินทางไปยัง ไทรโยค  เพื่อไปชมวิว แม่น้ำแควน้อย ค่ะ

แต่ตรงนี้ขอโทษจริงๆ ค่ะ มั่วแต่ถ่ายรูปคน ไม่ได้ถ่ายรูปวิวมาค่ะ

เก็บแค่ใบไม้มาถ่ายดู เพราะเห็นว่าดูเหมือนผีเสื้อเลยค่ะ อ่อ ตรงทางเดินขึ้น จะมีผีเสื้อบินเยอะอยู่ค่ะ

จากนั้นพวกเราก็มากันต่อที่ ถ้ำกระแซ และ ทางรถไฟสายมรณะ ค่ะ

เจอป้ายถ้ำก่อน นี้เป็นครั้งแรกที่เรามานะคะ ตื่นเต้น แต่อากาศร้อยมากค่ะ เพราะเวลาบ่ายๆ พอดี

แต่ภายในถ้ำอากาศดีเย็นสบายค่ะ ไม่ได้เก็นรูปสวนนี้มา เพราะในถ้ำมืดค่ะ

มีป้ายบอกเวลาที่รถไฟจะวิ่งด้วยค่ะ หากไปรถไฟ อาจจะต้องเช็คเวลาให้ดีนะคะ ^^

เดินมาอีกนิดก็จะเจอทางรถไฟแล้วค่ะ ตอนเรามาถึงรถไฟพึ่งออกไปค่ะ เสียดายมาก

แต่มาแล้วก็เก็บรูปกลับไปแล้วกันค่ะ ^^'

รางรถไฟกันยาวๆ ไปค่ะ

อาจจะเพราะหยุดยาว คนจะเยอะมากค่ะ เลยต้องหาจังหวะถ่ายดีๆ ค่ะ

เดินไปเรื่อยๆ ของทางรถไฟ คนเริ่มน้อยลงแล้วค่ะ

ฝั่งตรงข้าม หากข้ามเรือไป สามารถไปขับรถโกคาร์ทด้วยค่ะ (ไม่แน่ใจว่าเรียกถูกมั้ยนะคะ)

วิวของรถไฟสายมรณะนี้ สวยจริงๆ ค่ะ ^^

ปลายๆ ทางรถไฟ เดินสบายๆ ค่ะ คนไม่เยอะมาก

แต่อากาศ ร้อนนนนนน มากค่ะ ^^"

หลังจากที่ได้รูปจนพอใจ เราก็เดินไปตลาดกันดีกว่าค่ะ หาอะไรกินกันดีกว่า หิว 55+

ก่อนถึงตลาด ก็เจอ หลุมระเบิด ค่ะ

จากวันที่เจ็บปวด สู่วันที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ไว้ให้นึกถึง 

เราถ่ายรูปไปยิ้มไป แต่ไม่อยากคิดเลย ว่าเมื่อก่อนคนตรงนี้เค้ารู้สึกอย่างไร.. (ดราม่าเบาๆ ไปอีก)

เดินมาในตลาด มีเครื่องประดับ ของที่ระลึกเยอะนะคะ

ทางเดินตลาดเดินเป็นทางตรงยาวมาไม่ไกลมากนะคะ

แต่เนื่องจากเป้าหมายเรา คือ ของกิน เลยโฟกัสแค่ของกินค่ะ 55+

ไอติม กระทิมะพร้าวอ่อน อร่อยมากค่ะ กินเข้าไป มีเนื้อมะพร้าวอ่อนด้วยค่ะ

จากนั้นเราก็ไปหาข้าวกินกันค่ะ เป็นร้านอาหารของพี่ในทริปค่ะ

ร้านใหญ่พอสมควร สามารถรองรับทัวร์ได้เลยค่ะ ตอนไปมีฝรั่งมากินด้วยค่ะ

ร้านอาหารชื่อว่า สวนปรวีณฺ์นุช ค่ะ ชื่อเดิม คือ สวนอาหารพิมนภา ค่ะ

เมื่อท้องอิ่มเราก็ต้องไปต่อค่ะ ยังพอมีเวลาเหลือค่ะ

สถานีต่อไปของเรา คือ สะพานแควใหญ่หรือสะพานข้ามแม่น้ำแคว

เริ่มเดินไปดูกันเลยค่ะ

จากนั้นเดินไปอีกนิดเราก็จะเจอกับสะพานข้ามแม่น้ำค่ะ

วิวสวยมาก แต่ขอยืนยันคำเดิม คือ อากาศร้อนมากค่ะ

ด้วยคนที่เยอะ รูปมันจะน้อยๆ หน่อยนะคะ

เราไม่ได้เดินไปสุดทางนะคะ เพราะร้านด้วย คนเยอะด้วย

เดินชมสะพานกันจนเหงื่อแตก ข้างๆ กันมีจัดงานค่ะ เหมือนเป็นงานประจำปี

แล้วก็มีตลาดด้วยค่ะ ว่าแล้วก็เดินไปหาของกินกันดีว่าค่ะ

บาย บาย สะพานข้ามแม่น้ำแคว ไป..ไป..ตลาดกัน

แต่ก่อนจะไปตลาด ขอเดินไปถ่ายป้ายสะพานแควใหญ่นิดนึง 55+

จริงๆ คิดว่าครั้งหน้าถ้าจะมาอีก จะลองนั่งรถไปมา ดูถ้าน่าจะฟินอยู่ค่ะ

มีป้ายบอกรายละเอียด และก็มีคนรอรถไฟยอะพอสมควรค่ะ

เดินไปเดินมาจนหิวมาอีกรอบ เราก็เลยเดินเข้าไปในตลาด แล้วก็เจอโรตีม้วนค่ะ

จริงๆ ก็ไม่รู้หรอกว่า เค้าเรียกว่าอะไร เลยเก็บรูปมาฝากกันค่ะ ชิ้นละ 40 บาทค่ะ

มาถึงตอนนี้ก็เวลา 4 โมงเย็นแล้วค่ะ หมดเวลาสนุกแล้วค่ะ เวลาผ่านไปไว เหมือนโกหกค่ะ

นี่พวกเราต้องเดินทางกลับกันแล้วหรอเนี้ย !! กลับก็กลับ

2 วัน 1 คืน กับ 3 สถานที่ สนุก มันส์ ฮา มาก....

---

จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านแล้วล่ะค่ะ

ทริปนี้เป็นทริปแบบทุกเพศทุกวัยก็มาได้ จากที่เราได้เล่าไว้คือ ทริปนี้เรามากันทุกวัยจริงๆ

ทุกคนสนุกในแบบของตัวเองค่ะ 

ในส่วนของเรื่องค่าใช่จ่าย รวมทั้งค่าแพ และค่ากับข้าว พวกเราเก็บเป็นกองกลางไว้ค่ะ

20 คน รวมๆ แล้ว ก็ได้ สองหมื่นกว่าบาทค่ะ ตกคนละ 1000 นิดๆ ค่ะ ส่วนตัวคิดว่าคุ้มมากค่ะ

เป็นประสบการณ์ใหม่มาก ค่ะ ลองไปกันเถอะนะคะ ^^

--

MOOMiKE-P