ท่องเที่ยววิถีไทย ในทุ่งกุลาร้องไห้ จ.ร้อยเอ็ด

ท่องเที่ยววิถีไทย  ในทุ่งกุลาร้องไห้  จ.ร้อยเอ็ด

 

ลองสักครั้ง!!!

กับการออกเดินทาง … ท่องไปใน  “ทุ่งกุลาร้องไห้” จังหวัดร้อยเอ็ด

แหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้  “วิ ธี คิ ด”  ในการดูแลทรัพยากรทางวัฒนธรรมให้ยั่งยืนในวิถีชุมชน ไปกับพวกเขาเหล่านี้ กับแก๊งมัคคุเทศก์น้อยและรถประจำตำแหน่งไว้คอยบริการ

รอช้าอยู่ทำไม ….  ออกเดินทางมาทุ่งกุลาร้องไห้กัน!!

วิถีชีวิต  ผู้คน บรรยากาศยามเช้าในหมู่บ้าน  บอกได้เลยว่า .. ต้องมาสัมผัสกันถึงจะรู้

การเดินทาง  . . .

เดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร  มาที่จังหวัดนครราชสีมา  ผ่านสามแยกอำเภอพิมาย  มาตามถนนมิตรภาพ  

ถึงบ้านวัด  แล้วเลี้ยวขวา   ผ่านอำเภอโนนไทย  อำเภอประทาย  อำเภอพุทไธสง  อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย  

ก็จะถึงอำเภอเกษตรวิสัยถัดไปอีกนิดก็จะเจอบ้านกู่กาสิงห์

“บ้านกู่กาสิงห์”  ขึ้นชื่อเรื่องศูนย์กลางอารยธรรม  ทุ่งกุลาร้องไห้ กับความสุขบนเส้นทางเรียนรู้ประวัติศาสตร์  และวิถีชีวิตจากเรื่องเล่าของคนทุ่งกุลาร้องไห้

ถ้าอยากรู้ว่าที่นี่มีเรื่องราวอะไรบ้างที่น่าสนใจ  ต้องตามพวกเขาไปค่ะ

นำทีมโดยมัคคุเทศก์น้อยโรงเรียนบ้านกู่กาสิงห์  ที่พร้อมจะนำทัพพานักท่องเที่ยว  ท่องไปในทุ่งกุลาร้องไห้ บ้านเกิดของพวกเขา  เด็กๆแนะนำว่าการท่องเที่ยวของที่นี่จะถูกแบ่งออกเป็น 

ฐานการเรียนรู้ต่างๆ  เริ่มต้นที่  …   

ฐานเรียนรู้ที่ 1  ฐานเรียนรู้โบราณสถาน  เช่น กู่กาสิงห์ กู่โพนวิจ และกู่โพนระฆัง  ร่องรอยอารยะธรรมเขมรตามคติความเชื่อศาสนาพราหมณ์ฮินดู และพุทธมหายาน เป็นเปิงบ้านอันเก่าแก่ และศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณ  เชื่อว่ามีเจ้ามีจอมเป็นผู้ปกปักรักษา  มีเรื่องเล่าความศักดิ์สิทธิ์ของกู่ในชุมชน  ที่เด็กๆพากันเจื้อยแจ้วเล่าให้นักท่องเที่ยวที่มาชมได้ฟัง

ลักษณะโบราณสถาน  กู่กาสิงห์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบเขมร  สร้างขึ้นตามคติความเชื่อศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกายเพื่อถวายเป็นที่ประทับแด่องค์พระศิวะ  สร้างขึ้นราวพุทธศักราช 1560 – 1630  จัดอยู่ในศิลปะแบบปาปวน  อายุราวศตวรรษที่16  ลักษณะเป็นกลุ่มปราสาท 3 องค์  ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเรียงกันในแนวทิศเหนือทิศใต้  หันหน้าไปทางทิศตะวันออก  มีโบราณวัตถุสำคัญคือทับหลังสลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ  ซึ่งเป็นภาพสลักเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ของกู่กาสิงห์

หลังจากได้รับคำบอกเล่าเรื่องราวของกู่กาสิงห์กันแล้ว  เหล่ามัคคุเทศก์น้อยพาเรามายัง  ฐ า น เ รี ย น รู้ ที่  2

ฐานเรียนรู้ที่ 2 สวนเกษตรผสมผสานเพื่อการมีอยู่มีกิน 

หลังจากชมกู่กาสิงห์กันครู่ใหญ่  เด็กๆก็พาเข้าพักโฮมสเตย์  ของคุณสุริยา แจ้งสนาม ชายผู้เก่งทั้งทฤษฎีและปฏิบัติที่เลือกทำการเกษตรทวนกระแสสังคม เพื่อให้มีอยู่มีกิน พึ่งพาตนเองได้ อย่างมีสุข….  

ว่าแล้วเราก็ลงมือทำ!! อยู่อย่างพอเพียงตามเจ้าบ้านเขาบ้าง ..

เริ่มจากลงมือหาวัตถุดิบมาปรุงอาหาร  ในเย็นวันนี้  นำทัพโดยเหล่าเด็กๆ ที่พากันม่วนอีหลี เก็บผัก จับปลาหาอาหารมาปรุงกันในครัว

แต่เมนูเด็ดที่เราอยากจะแนะนำ  คือ เมนูนี้  “แกงไข่ผำ”

“แกงไข่ผำ”   1 ใน วิถีแซ่บอีสาน  ที่ต้องลอง
“ผำ”  หรือเรียกว่า ไข่แหน รู้จักกันในชื่อ ไข่น้ำ , ไข่ขำ ,และ ผำ
มีชื่อพื้นเมืองทางภาคเหนือเรียกว่า  ผำ
ทางภาคกลางเรียกว่า   ไข่น้ำ
ส่วนภาคอีสานเรียกว่า …  “ไข่ผำ”
“ไข่ผำ”  จัดเป็นพืชชนิดหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ รูปร่างเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.1 – 0.2 มิลลิเมตร   มีสีเขียวลอยอยู่บริเวณผิวน้ำเป็นแพ มักเกิดในธรรมชาติที่น้ำใส นิ่ง เช่น บึง หนองน้ำ ผำจะพบมากในฤดูฝน นำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น ผัดไข่ผำใส่หมู แกงไข่ผำ

ว่าแล้วเราก็มาจัดการเมนู แกงไข่ผำ  กันเถอะ

เครื่องปรุง
ไข่ผำ หมู ปลาย่าง พริกแห้ง หัวหอม กระเทียม ตะไคร้ ต้นหอม กะปิ ใบแมงลัก น้ำปลา น้ำปลาร้าต้ม ใบมะกรูด

วิธีทำ

1. ล้างไข่ผำ ใส่หม้อตั้งไฟ ใส่น้ำนิดหน่อย
2. ตำพริกแกง ประกอบด้วย พริกแห้ง หัวหอม กระเทียม ตะไคร้ กะปิ ใบมะกรูด โขลกให้ละเอียด
3. หั่นปลาย่างเป็นชิ้นพองาม พอน้ำต้มไข่ผำเดือดค่อยใส่หมู พริกแกง เติมน้ำปลา น้ำปลาร้าต้ม ปรุงรสตามชอบ ก่อนยกลงใส่ต้นหอมหั่นเป็นท่อนๆ เด็ดใบแมงลักใส่ลงไปด้วย ปรุงรสชาติได้ตามชอบใจเลยค่ะ

จากนั้นจะรออะไรล่ะคะ  ….  ตั้งวงกินข้าวกันเถอะ

จบไปหนึ่งวันในทุ่งกุลาร้องไห้ … ได้รับความรู้  และ  เบิกบานใจไปกับความใสของเด็กๆที่นี่

ข้อมูลเพิ่มเติม

อัตราค่าบริการโฮมสเตย์ 

โฮมสเตย์ มี  13  หลัง : ค่าพัก 1 คืน  อาหาร 2 มื้อ  350  บาท  เครื่องบายศรี  700  บาท  อาหารพาแลง  100  บาท

บริการเช่าจักรยาน : ท่องเที่ยวในชุมชน  จำนวน 18 คัน คันละ  50  บาท  และบริการอื่นๆตามความเหมาะสม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 09 2525 0191  / 08 9574 7324 / 09 3337 5626
เว็บไซต์  :  www.homestaykukasing.com

 

เ ข้ า สู่ เ ช้ า วั น ที่ 2

มัคคุเทศก์น้อยพากันมารับแต่เช้า ... นั่งรถอีแต๋น .. ตะลุยไป  ในฐานเรียนรู้ที่  3

ฐานเรียนรู้ที่ 3 พิพิธภัณฑ์มรดกภูมิปัญญา   ว่ากันว่าที่นี่เกิดจากสำนึกของชุมชนที่ต้องการให้ลูกหลานเรียนรู้ชีวิตความลำบากของพ่อแม่  เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังเกิดความมุมานะขยันอดทนและเกิดสามัญสำนึกรักบ้านเกิด  มาที่นี่เราจะได้พบกับของใช้สมัยโบราณมากมายเลยทีเดียว

ฐานเรียนรู้ที่ 4  ตัดลายกบปิ้ง  

“ตัดลายกบปิ้ง”    หรือลายตากบโดยใช้กรรไกรตัดกระดาษ สามารถนำไปตัดเป็นลวดลายไว้สำหรับตกแต่งบั้งไฟ  หอกฐิน  ให้สวยงามและยังเป็นการอนุรักษ์ลวดลายจากภูมิปัญญาของคนทุ่งกุลาร้องไห้  โดยมีเด็กๆเป็นครูสอน  ใครมาที่นี่ถ้าไม่ได้ตัดลายกระดาษถือว่ามาไม่ถึงทุ่งกุลาร้องไห้นะจ๊ะ

จบท้ายกับการท่องเที่ยววิถีไทย … ในทุ่งกุลาร้องไห้  กันอย่างอบอุ่นด้วยมิตรภาพและไมตรีจิตที่ทุกคนมอบให้ด้วยการ จัดพิธี "บายศรีสู่ขวัญ" ซึ่งเป็นพิธีมงคลให้แก่แขกที่มาเยี่ยมเยือน บรรยากาศเต็มไปด้วยความรัก  และความอบอุ่น จนทำให้รู้สึกว่ามาที่นี่เหมือนได้มาเยี่ยมบ้านของตัวเอง  ทุกคนดูแลแขกที่มาเยือนประหนึ่งพี่น้อง  ประหนึ่งลูกหลาน  มีโอกาสอยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสประสบการณ์ดีๆที่นี่สักครั้ง 

ท่องเที่ยววิถีไทย  ในทุ่งกุลาร้องไห้  จังหวัดร้อยเอ็ด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 09 2525 0191  / 08 9574 7324 / 09 3337 5626
เว็บไซต์  :  www.homestaykukasing.com

 

 

ชมรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ตอน ท่องเที่ยววิถีไทย...ในทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดร้อยเอ็ด

ได้ที่นี่ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=K2N2x1tHU9M

 

ติดตามชมรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค

ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 – 09.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส