22 มกราคม 2559
>> ประมาณ 06.15 น. แวะแม่มาลัยซื้อเสบียงอาหาร สำหรับ 3 วัน (หัวหน้าแก๊งจัดการ)
>> ประมาณ 07.30 น. ถึงเชียงดาวแวะกินข้าวเช้าร้านปรียารัตน์ (เป็นร้านประจำของทัวร์นี้)
>> ประมาณ 09.00 น. เดินทางไปยังจุดนัดรถกระบะ เพื่อนำสัมภาระขึ้นรถพร้อมลูกหาบ 3 คน แถวๆ ร้านค้าถ้ำเชียงดาว เพื่อมุ่งหน้าไป “ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว” ซึ่งเป็นจุดแวะลงทะเบียน นักเดินป่าทุกคนต้องมาลงทะเบียน ณ จุดนี้ก่อน (หัวหน้าแก๊งจัดการ จุดนี้เสียค่าใช้จ่าย)
ลูกหาบของพวกเรามีทั้งหมด 3 คน
ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว
>> มุ่งหน้าสู่ตีนดอย ระหว่างทางขึ้นจะพบ “หน่วยพิทักษ์ป่าสบห้วยผาตั้ง-นาเลา” เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องหยุดรถเพื่อเซ็นชื่อเข้า (หัวหน้าแก๊งจัดการ)
หน่วยพิทักษ์ป่าสบห้วยผาตั้ง-นาเลา
ขอแนะนำเส้นทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาวที่อนุญาตให้ขึ้นมี 2 เส้นทาง
1. เส้นทางเด่นหญ้าขัด-อ่างสลุง เดินสบายที่สุดแต่ต้องเช่ารถขึ้นไปส่งค่อนข้างไกลใช้เวลานั่งรถไปถึงจุดเริ่มเดินเท้าประมาณ ชั่วโมงครึ่ง เป็นเส้นทางที่นิยมใช้มากที่สุดเนื่องจากตลอดเส้นทางไม่ชันมาก แต่ถือเป็นเส้นทางที่ไกลที่สุดจากจุดเริ่มต้นขึ้นไป ถึงยอดดอยประมาณ 8.5 ก.ม. การเดินเท้าเริ่มที่เด่นหญ้าขัด (หน่วยฯขุนห้วยแม่กอก) มีจุดพักแรมระหว่างทางที่ดงท้อและปลายทาง ที่อ่างสลุงระหว่างทางจะมีทั้งพันธุ์ไม้ทั่วไป และพันธุ์ไม้หายาก
2. เส้นทางปางวัว-อ่างสลุง ระยะทางประมาณ 6.5 ก.ม. เส้นทางค่อนข้างชันในช่วงแรก เริ่มที่ปางวัว (บ.นาเลาใหม่) มีจุดพักแรม ระหว่างทางที่ดงไผ่หกและปลายทางที่อ่างสลุง รถเก๋งนั้นนำไปจอดฝากไว้ที่ สนง.เขตฯ เชียงดาวได้
>> จากนั้นทั้งสองเส้นทางจะมาบรรจบกันที่สามแยก หลังจากนั้นเดินต่อไปยังเส้นทางเดียวกันไปอ่างสลุงซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์
แหล่งที่มาเพิ่มเติม : http://www.paiduaykan.com/province/north/chiangmai/doichiangdao.html
>> เมื่อรู้เส้นทางการเดินกันเรียบร้อยแล้ว (จริงๆ อ่านรีวิวมาแล้วรู้แล้วว่าต้องเดินเส้นไหน) แต่จุดที่มาถึงพวกเราลืมถามหัวหน้าแก๊งว่า ณ จุดนี้คือเส้นไหน เขาบอกว่าออกเดินได้แล้วเดียวเดินตามไป ให้เดินตรงไปตามเส้นทางข้างที่มีคนเดินกันไว้แล้ว
>> พวกเราเริ่มออกเดิน เวลาประมาณ 09.57 น. เดินไปประมาณ 500 เมตร จะพบกองไม้ 1 กอง ที่จะใช้เป็นอาวุธในการช่วยเดินทาง ก็เดินกันไปเหนื่อยก็หยุด หายเหนื่อยก็เดินต่อ
>> ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกว่าทางมันชันมากๆ ยิ่งเดินยิ่งชัน มีแต่เดินขึ้นเขาอย่างเดียวเลย ก็เดินไปบ่นกันไป เดินไปเรื่อยๆ ก็พบเพื่อนๆ พี่ๆ นักเดินป่าซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันระหว่างทางตลอด ระหว่างสองข้างทางพบทั้งมิตรภาพและประสบการณ์ใหม่ตลอดเวลา
>> จากที่พบเพื่อนใหม่ระหว่างเดิน ก็เดินแซงเขาบ้าง ถูกแซงบ้าง แล้วแต่ระดับความเร็วที่ใช้ในการเดิน ตัวเองก็เดินนำเพื่อนๆ มาก่อน พอดีเป็นคนเดินเร็ว ก็เดินนำเพื่อนไปเรื่อยๆ แต่ที่แปลกใจคือ ทำไมระหว่างทางมีคนเดินลงเขาสวนกันตลอดทาง แต่ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินกันต่อไป ระหว่างทางใครเดินผ่านมาก็ถามเขาไปทั่วว่าใกล้ถึงยังๆ บางคนก็หัวเราะ บางคนก็บอกว่าใกล้แล้ว บางคนก็บอกว่าสู้ๆ 555++ คำตอบเป็นที่รู้กัน ถึงเมื่อไรเดียวก็เห็นเองละเธอ เดินต่อไป
>>ทุกคนยิ้มสู้กับความเหนื่อย<<
>> เดินจนมาถึงจุดสามแยกที่ทั้งสองเส้นทางบรรจบ ก็จะพบป้ายบอกเส้นทาง OMG! อยากจะบ้าตายที่เดินผ่านมามันคือเส้น “ปางวัว” คิดว่าเดินเส้นเด่นหญ้าขัดมาตลอดทาง ก็ว่าแล้วที่อ่านรีวิวมากับความเป็นจริงที่เดินอยู่มันไม่เห็นเหมือนอย่างที่เขาพูดกันไว้ และตรงสามแยกนี้ยังเป็นจุดสำหรับพักกินข้างมื้อเที่ยงของนักเดินป่าทุกคน (แล้วแต่ว่าใครจะหยุดพัก) ระหว่างเดินทางต่อเจอใครก็บอกว่าเดินมาจากเส้นเด่นหญ้าขัดกันทั้งนั้น (หัวหน้าแก๊งทำกันแบบนี้ได้อย่างไง) แต่หลังจากสามแยกไปเส้นทางก็มีโหดบ้าง และเดินสบายบ้าง (แต่น้อย) แต่ด้วยว่าอากาศเย็นสบาย วิวสวย ทำให้คลายความเหนื่อยไปได้
ป้ายมุมมองทางขึ้นเส้น "ปางวัว
มุมมองทางเส้น เด่นหญ้าขัด ซึ่งเป็นทาง 3 แยก ของ 2 เส้นทางมาบรรจบกัน
จุดพักกินข้าว นั้นลูกหาบ 3 + 1 คน ของพวกเรา (ตัวเล็กนั้นก็หาบมากับพวกเขาด้วยอย่างเก่ง)
ส่วนพวกเรากินหมูปิ้งกัน (หัวหน้าแก๊งจัดหาไว้ให้)
เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้แบกกระเป๋า 10 กิโล นะจ๊ะ (แบกหนักกว่าพี่ๆ อีก พี่แค่ประมาณ 7 กิโล หลังแทบหัก)
>> วิวสวยๆ ระหว่างสองข้างทาง ที่พบเห็น
>> ระหว่างที่เดินอยู่ซึ่งก็ใกล้จะถึงจุดกางเต็นท์นั้น โอ้วแม่เจ้า! ขาฉันดันเป็นตะคริวช่วงต้นขาขวา งานเข้าละทีนี้เดินแล้วปวดมาก ต้องเดินไปหยุดไป โชคดีที่ได้เพื่อนร่วมทางดี (เจอกันระหว่างเดิน) ช่วยเรียกช่วยถามคนที่เดินผ่านไปเพื่อหายานวด (ยา ยานวด ผงเกลือแร่ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในกระเป๋าเพื่อนหมดเลย เดินทิ้งเพื่อนมา กรรมแท้ กรรมตามสนอง) กระเป๋าตัวเองมีแต่ขนมซึ่งแบ่งกันหิ้วมา (ขนมช่วยอะไรตูไม่ได้เลยในวินาทีนั้น)
เพื่อนร่วมทางที่น่ารัก จุ๊บๆ น้ำใจงามมากๆ
>> ใจจะขาดกว่าจะถึงจุดกางเต็นท์ แต่เห็นแบบนี้เจ้าของรีวิวมาถึงจุดหมายปลายทางประมาณบ่าย 2 โมงกว่า นะจ๊ะ ก็ไปนอนรอเพื่อนที่เต็นท์ หัวหน้าแก๊งเดินแซงมาระหว่างทาง น่าจะมาถึงประมาณเที่ยงๆ บ่ายๆ ได้ จัดการกางเต็นท์ให้เสร็จเรียบร้อย (น่ารักที่สุดเลยพี่เอ๋ยยย)
ป้ายจุดกางเต็นท์ (สวรรค์อยู่ข้างหน้าอีกไม่ไกล)
จุดกลางเต็นท์นอนของพวกเรา
>> ส่วนพักพวกที่เหลือถึงประมาณ 4 โมงเย็นจร้า เจอพี่ที่เป็นลูกหาบ เขาบอกว่าพวกเราข้ามเขากันมาตั้ง 7 ลูกนะกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ โอ้วว มันขนาดนั้นเลยรึพี่จ๋า เพื่อนๆ ได้พักเหนื่อยกันแค่ 30 นาที ระหว่างรอเพื่อนพักก็ขอเกลือแร่จากกระเป๋าเพื่อน ต้องกินดักไว้เพราะเดี๋ยวต้องเดินอีกหลายวัน เพื่อนบอกว่าอยู่ที่กระเป๋าแกไง เฮ้ยย! ไม่ใช่ละมันไม่มี ที่ไหนได้ลืมกันไว้ในรถตู้ ป๊าดดด! ให้มันได้อย่างงี้ดิ ส่วนอีกประเด็นไม่ถามไม่ได้ละ เจอหัวหน้าแก๊งเลยถามไปว่าทำไมให้พวกเราเดินขึ้นเส้น “ปางวัว” คำตอบที่ได้ “เห็นว่าระยะทางมันสั้นกว่าอยากให้น้องๆ มาถึงไวๆ” ขอขอบพระคุณในความปรารถนาดีค่ะคุณพี่ (ถ้าสังเกตุป้ายตอนขึ้นดีๆ ตั้งแต่แรก ก็รู้แล้วว่าเส้นไหน เพราะมันบอกระยะทาง... ดันไม่ได้สังเกตุซะงั้น เป็นไงละเมิงง)