ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
พิชิตดอยหลวงเชียงดาว พิชิตใจตัวเอง กับเส้นทางการเดินป่า 3 วัน 2 คืน ดอยหลวงเชียงดาว (Doi Luang Chiang Dao) จ.เชียงใหม่
    • โพสต์-1
    Namee •  มกราคม 31 , 2559

    เพราะชีวิตมี “เป้าหมาย” เพื่อพิชิตยอดเขา “ดอยหลวงเชียวดาว”

    เป้าหมายแรกของชีวิตคือพิชิต “ดอยหลวงเชียงดาว”
    ดอยหลวงเชียงดาว สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ สูงถึง 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล
    พวกเรามีด้วยกันทั้งหมด 3 คน (หญิงล้วน) วางแผนเป้าหมายอยากออกทริปเดินป่าพิชิตยอดเขาให้ได้
    ----------------------------------------------------------

    ทริปนี้เป็นการเที่ยวแบบ Join Tour (เพื่อหาเพื่อนใหม่  และประสบการณ์ใหม่ๆ)
    พวกเราค้นหา และศึกษาข้อมูลของสถานที่แห่งนี้ พร้อมด้วยหาทัวร์ที่จัดทริปไปที่นี่
    พวกเราเลือกทัวร์ของ “ใบสน2ใบ” (ดูอยู่หลายทัวร์แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใดที่เลือก แต่พวกเราเลือกเขา)
    สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงทริปการท่องเที่ยวต่างๆ พร้อมคำแนะนำในการเตรียมตัวเดินป่า

    ได้จากลิงก์นี้ >>  http://www.bison2bi.com/ <<

     

    ทริป ดอยหลวงเชียงดาว | 3 วัน 2 คืน
    ค่าใช้จ่ายของทริปนี้อยู่ที่ คนละ 4,500 บาท/คน 
    กำหนดวันเดินทาง 21-24 มกราคม 2559
    ทำการติดต่อและจองไว้ล่วงหน้าเป็นเดือน เข้าไปดูสถานะที่นั่งรถทุกวัน จำนวนคนเพิ่มๆ ลดๆ ทุกวัน 
    จาก 4 คน เพิ่มเป็น 8 คน ไปๆ มาๆ ลดเหลือ 6 คน จนอาทิตย์สุดท้ายเหลือ 5 คน 

    ทำให้รู้สึกว่าทริปนี้จะล่มหรือเปล่า 
    จนใกล้วันโทรไปถามอีกรอบมันได้ใจตรงนี้ละ 
    “ 5 คน เราก็ไป ไหนๆ ก็อยากไปกันอยู่แล้วไม่อยากล้มทริป”

    หัวหน้าแก๊งเราชื่อ “พี่ปอง”

    พ่อหนุ่มรูปหล่อ อารมณ์ดี และเป็นกันเอง ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีตลอดทั้งทริป

     

    ทริปนี้ได้เพื่อนใหม่เพิ่มมา 2 คน (ชาย 1 หญิง 1) รวมพวกเราด้วย 3 คน เป็น 5 คน


    บวกหัวหน้าทริป 1 คน ทั้งหมด 6 คน พวกเราไม่ต้องมีหน้าที่ทำอะไรเลย นอกจากเดิน และแบกสัมภาระของตนเองเท่านั้น นอกนั้นหัวหน้าแก๊งจัดการให้ทุกอย่าง ก็จ่ายเงินไปแล้วนิ เหอะๆ ป่ะไปเที่ยวกันเถอะ!

     

    • โพสต์-2
    Namee •  มกราคม 31 , 2559

    ทริปแรกของการเดินป่า ขึ้นปางวัว ลงปางวัว มันโหดไป!

    22 มกราคม 2559

    >> ประมาณ 06.15 น. แวะแม่มาลัยซื้อเสบียงอาหาร สำหรับ 3 วัน (หัวหน้าแก๊งจัดการ)

    >> ประมาณ 07.30 น. ถึงเชียงดาวแวะกินข้าวเช้าร้านปรียารัตน์ (เป็นร้านประจำของทัวร์นี้)

    >> ประมาณ 09.00 น. เดินทางไปยังจุดนัดรถกระบะ เพื่อนำสัมภาระขึ้นรถพร้อมลูกหาบ 3 คน  แถวๆ ร้านค้าถ้ำเชียงดาว  เพื่อมุ่งหน้าไป “ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว” ซึ่งเป็นจุดแวะลงทะเบียน นักเดินป่าทุกคนต้องมาลงทะเบียน ณ จุดนี้ก่อน (หัวหน้าแก๊งจัดการ จุดนี้เสียค่าใช้จ่าย) 

    ลูกหาบของพวกเรามีทั้งหมด 3 คน

     

    ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว

     

    >> มุ่งหน้าสู่ตีนดอย ระหว่างทางขึ้นจะพบ “หน่วยพิทักษ์ป่าสบห้วยผาตั้ง-นาเลา” เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องหยุดรถเพื่อเซ็นชื่อเข้า (หัวหน้าแก๊งจัดการ)

    หน่วยพิทักษ์ป่าสบห้วยผาตั้ง-นาเลา

     

    ขอแนะนำเส้นทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาวที่อนุญาตให้ขึ้นมี 2 เส้นทาง

    1. เส้นทางเด่นหญ้าขัด-อ่างสลุง เดินสบายที่สุดแต่ต้องเช่ารถขึ้นไปส่งค่อนข้างไกลใช้เวลานั่งรถไปถึงจุดเริ่มเดินเท้าประมาณ ชั่วโมงครึ่ง  เป็นเส้นทางที่นิยมใช้มากที่สุดเนื่องจากตลอดเส้นทางไม่ชันมาก แต่ถือเป็นเส้นทางที่ไกลที่สุดจากจุดเริ่มต้นขึ้นไป ถึงยอดดอยประมาณ 8.5 ก.ม. การเดินเท้าเริ่มที่เด่นหญ้าขัด (หน่วยฯขุนห้วยแม่กอก) มีจุดพักแรมระหว่างทางที่ดงท้อและปลายทาง ที่อ่างสลุงระหว่างทางจะมีทั้งพันธุ์ไม้ทั่วไป และพันธุ์ไม้หายาก

    2. เส้นทางปางวัว-อ่างสลุง ระยะทางประมาณ 6.5 ก.ม. เส้นทางค่อนข้างชันในช่วงแรก เริ่มที่ปางวัว (บ.นาเลาใหม่) มีจุดพักแรม ระหว่างทางที่ดงไผ่หกและปลายทางที่อ่างสลุง รถเก๋งนั้นนำไปจอดฝากไว้ที่ สนง.เขตฯ เชียงดาวได้

     

    >> จากนั้นทั้งสองเส้นทางจะมาบรรจบกันที่สามแยก หลังจากนั้นเดินต่อไปยังเส้นทางเดียวกันไปอ่างสลุงซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์

    แหล่งที่มาเพิ่มเติม : http://www.paiduaykan.com/province/north/chiangmai/doichiangdao.html

     

    >> เมื่อรู้เส้นทางการเดินกันเรียบร้อยแล้ว (จริงๆ อ่านรีวิวมาแล้วรู้แล้วว่าต้องเดินเส้นไหน) แต่จุดที่มาถึงพวกเราลืมถามหัวหน้าแก๊งว่า ณ จุดนี้คือเส้นไหน เขาบอกว่าออกเดินได้แล้วเดียวเดินตามไป ให้เดินตรงไปตามเส้นทางข้างที่มีคนเดินกันไว้แล้ว

    >> พวกเราเริ่มออกเดิน เวลาประมาณ 09.57 น.  เดินไปประมาณ 500 เมตร จะพบกองไม้ 1 กอง ที่จะใช้เป็นอาวุธในการช่วยเดินทาง ก็เดินกันไปเหนื่อยก็หยุด หายเหนื่อยก็เดินต่อ


    >> ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกว่าทางมันชันมากๆ ยิ่งเดินยิ่งชัน มีแต่เดินขึ้นเขาอย่างเดียวเลย ก็เดินไปบ่นกันไป เดินไปเรื่อยๆ ก็พบเพื่อนๆ พี่ๆ นักเดินป่าซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันระหว่างทางตลอด ระหว่างสองข้างทางพบทั้งมิตรภาพและประสบการณ์ใหม่ตลอดเวลา

    >> จากที่พบเพื่อนใหม่ระหว่างเดิน ก็เดินแซงเขาบ้าง ถูกแซงบ้าง แล้วแต่ระดับความเร็วที่ใช้ในการเดิน ตัวเองก็เดินนำเพื่อนๆ มาก่อน พอดีเป็นคนเดินเร็ว ก็เดินนำเพื่อนไปเรื่อยๆ แต่ที่แปลกใจคือ ทำไมระหว่างทางมีคนเดินลงเขาสวนกันตลอดทาง แต่ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินกันต่อไป ระหว่างทางใครเดินผ่านมาก็ถามเขาไปทั่วว่าใกล้ถึงยังๆ บางคนก็หัวเราะ บางคนก็บอกว่าใกล้แล้ว บางคนก็บอกว่าสู้ๆ 555++ คำตอบเป็นที่รู้กัน ถึงเมื่อไรเดียวก็เห็นเองละเธอ เดินต่อไป

    >>ทุกคนยิ้มสู้กับความเหนื่อย<<

     

    >> เดินจนมาถึงจุดสามแยกที่ทั้งสองเส้นทางบรรจบ ก็จะพบป้ายบอกเส้นทาง OMG! อยากจะบ้าตายที่เดินผ่านมามันคือเส้น “ปางวัว” คิดว่าเดินเส้นเด่นหญ้าขัดมาตลอดทาง ก็ว่าแล้วที่อ่านรีวิวมากับความเป็นจริงที่เดินอยู่มันไม่เห็นเหมือนอย่างที่เขาพูดกันไว้ และตรงสามแยกนี้ยังเป็นจุดสำหรับพักกินข้างมื้อเที่ยงของนักเดินป่าทุกคน (แล้วแต่ว่าใครจะหยุดพัก) ระหว่างเดินทางต่อเจอใครก็บอกว่าเดินมาจากเส้นเด่นหญ้าขัดกันทั้งนั้น (หัวหน้าแก๊งทำกันแบบนี้ได้อย่างไง) แต่หลังจากสามแยกไปเส้นทางก็มีโหดบ้าง และเดินสบายบ้าง (แต่น้อย) แต่ด้วยว่าอากาศเย็นสบาย วิวสวย ทำให้คลายความเหนื่อยไปได้

    ป้ายมุมมองทางขึ้นเส้น "ปางวัว

     

    มุมมองทางเส้น เด่นหญ้าขัด ซึ่งเป็นทาง 3 แยก ของ 2 เส้นทางมาบรรจบกัน

     

    จุดพักกินข้าว นั้นลูกหาบ 3 + 1 คน ของพวกเรา (ตัวเล็กนั้นก็หาบมากับพวกเขาด้วยอย่างเก่ง)
    ส่วนพวกเรากินหมูปิ้งกัน (หัวหน้าแก๊งจัดหาไว้ให้)

     

    เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้แบกกระเป๋า 10 กิโล นะจ๊ะ (แบกหนักกว่าพี่ๆ อีก พี่แค่ประมาณ 7 กิโล หลังแทบหัก)

     

    >> วิวสวยๆ ระหว่างสองข้างทาง ที่พบเห็น


    >> ระหว่างที่เดินอยู่ซึ่งก็ใกล้จะถึงจุดกางเต็นท์นั้น โอ้วแม่เจ้า! ขาฉันดันเป็นตะคริวช่วงต้นขาขวา งานเข้าละทีนี้เดินแล้วปวดมาก ต้องเดินไปหยุดไป โชคดีที่ได้เพื่อนร่วมทางดี (เจอกันระหว่างเดิน) ช่วยเรียกช่วยถามคนที่เดินผ่านไปเพื่อหายานวด (ยา ยานวด ผงเกลือแร่ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในกระเป๋าเพื่อนหมดเลย เดินทิ้งเพื่อนมา  กรรมแท้ กรรมตามสนอง) กระเป๋าตัวเองมีแต่ขนมซึ่งแบ่งกันหิ้วมา (ขนมช่วยอะไรตูไม่ได้เลยในวินาทีนั้น)

    เพื่อนร่วมทางที่น่ารัก จุ๊บๆ น้ำใจงามมากๆ

     

    >> ใจจะขาดกว่าจะถึงจุดกางเต็นท์ แต่เห็นแบบนี้เจ้าของรีวิวมาถึงจุดหมายปลายทางประมาณบ่าย 2 โมงกว่า นะจ๊ะ ก็ไปนอนรอเพื่อนที่เต็นท์ หัวหน้าแก๊งเดินแซงมาระหว่างทาง น่าจะมาถึงประมาณเที่ยงๆ บ่ายๆ ได้ จัดการกางเต็นท์ให้เสร็จเรียบร้อย (น่ารักที่สุดเลยพี่เอ๋ยยย)

    ป้ายจุดกางเต็นท์ (สวรรค์อยู่ข้างหน้าอีกไม่ไกล)
     

    จุดกลางเต็นท์นอนของพวกเรา

     

    >> ส่วนพักพวกที่เหลือถึงประมาณ 4 โมงเย็นจร้า  เจอพี่ที่เป็นลูกหาบ เขาบอกว่าพวกเราข้ามเขากันมาตั้ง 7 ลูกนะกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ โอ้วว มันขนาดนั้นเลยรึพี่จ๋า  เพื่อนๆ ได้พักเหนื่อยกันแค่ 30 นาที ระหว่างรอเพื่อนพักก็ขอเกลือแร่จากกระเป๋าเพื่อน ต้องกินดักไว้เพราะเดี๋ยวต้องเดินอีกหลายวัน เพื่อนบอกว่าอยู่ที่กระเป๋าแกไง เฮ้ยย! ไม่ใช่ละมันไม่มี ที่ไหนได้ลืมกันไว้ในรถตู้ ป๊าดดด! ให้มันได้อย่างงี้ดิ ส่วนอีกประเด็นไม่ถามไม่ได้ละ เจอหัวหน้าแก๊งเลยถามไปว่าทำไมให้พวกเราเดินขึ้นเส้น “ปางวัว” คำตอบที่ได้ “เห็นว่าระยะทางมันสั้นกว่าอยากให้น้องๆ มาถึงไวๆ” ขอขอบพระคุณในความปรารถนาดีค่ะคุณพี่ (ถ้าสังเกตุป้ายตอนขึ้นดีๆ ตั้งแต่แรก ก็รู้แล้วว่าเส้นไหน เพราะมันบอกระยะทาง... ดันไม่ได้สังเกตุซะงั้น เป็นไงละเมิงง)

    • โพสต์-3
    Namee •  มกราคม 31 , 2559

    >> ประมาณ 16.30 น. พวกเราก็ออกเดินทางต่อเพื่อขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดดอยหลวงเชียงดาว “ยอดดอยหลวงเชียงดาว สูงจากระดับน้ำทะเล 2,225 เมตร เป็นภูเขาหินปูนล้วนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย เหมาะสำหรับไปชมพระอาทิตย์ตก” ทางชันมากเดินลำบากรวมถึงลื่นด้วย อากาศข้างบน ประมาณ 14-15 องศา (ยิ่งสูงยิ่งหนาว มันเป็นแบบนั้นจริงๆ) ใช้เวลาในการเดินขึ้นไม่ถึงชั่วโมง

    เส้นทางการขึ้นดอยหลวงเชียงดาว

     

    >> ณ จุดนี้ ก็ชมวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้ากันไป บอกได้คำเดียวเลยว่า “สวย” มันสวยมากๆ มันคุ้มค่าสุดๆ มันสุดยอดมากๆ มันไม่เสียแรงเปล่าเลยกับสิ่งที่ลงทุนด้วยแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มี เดินไปบอกตัวเองสู้นะ สู้เพื่อสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้า แล้วคุณจะไม่เสียใจ

     

    >> ประมาณ 19.00 น. พวกเรา เดินลงเขาเพื่อกลับสู่ที่พัก ตอนขึ้นว่าลำบากแล้ว ตอนลงลำบากยิ่งกว่าใช้เวลาในการลงนานกว่าขึ้น เพราะมืดแล้วมองไม่เห็นทางต้องใช้ไฟฉายช่วยส่องทาง (ทุลักทุเลกันเลยทีเดียว)  ถึงเต็นท์พี่ปองเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้รอ (น่ารักที่สุด) ทัวร์นี้จะมีสโลแกนด้วยนะไม่รู้ว่าใช้กับลูกทริปทุกกลุ่มเปล่า “ใบสนแดกข้าว แดกได้ก็แดก แดกไม่ได้ก็ต้องแดก” ต่อจากนั้นไปติดคำว่าแดกมาตลอด 555++ แต่ กินกันไม่ค่อยลงเท่าไรเพราะเหนื่อย รวมถึงยิ่งดึกยิ่งหนาว น้ำไม่ต้องพูดถึงเพราะพวกเราไม่ได้อาบ น้ำไม่เคยได้โดนหน้ามันเย็น แปรงฟันอย่างเดียว นอกนั้นพึ่งทิชชูเปียก (เตรียมกันไปแค่พอใช้ เอาไปเยอะก็หนัก แถมเหลือต้องหิ้วกลับอีก) ห้องน้ำก็ธรรมชาติมากๆ เดินเข้าป่าไปจบ… 

    เชฟกระทะอะลูมิเนียม "พี่ปอง" (หัวหน้าแก๊ง)

    โต๊ะอาหารของพวกเรา

    ตามสโลแกนเลย "แดกได้ก็แดก แดกไม่ได้ก็ต้องแดก" โคตรเป็นกันเองเลย อ้าววๆ แดกข้าวดิ

    • โพสต์-4
    Namee •  มกราคม 31, 2559
    • โพสต์-5
    Namee •  มกราคม 31 , 2559

    23 มกราคม 2559 (วันที่สองของการเดินป่า ณ ยอดกิ่วลม)

    >> ประมาณตี 04.30 น. ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อเตรียมตัวขึ้นยอดกิ่วลม พวกเราเริ่มออกเดินทางตอนตี 5 โดยมีหัวหน้าแก๊งนำทาง ต้องมีไฟฉายช่วยนำทางนะจ๊ะ เพราะมันมืดมาก ซึ่งจะต้องเดินไปขึ้นเขาอีกเส้นทางหนึ่ง (คนละลูกกัน) ระยะทางในการขึ้นเขาไกลกว่ายอดดอยหลวงเชียงดาว และค่อนข้างชัน ใช้เวลาเดินประมาณชั่วโมงกว่าๆ

     

    ยอดดอยกิ่วลมจะมี ยอดกิ่วลมใต้ และกิ่วลมเหนือ พวกเราเลือกขึ้นยอดกิ่วลมใต้ “ยอดดอยกิ่วลมสูงจากระดับน้ำทะเล 2,140 เมตร” ซึ่งยอดดอยกิ่วลมเหมาะกับการไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้า

     

     

    >> พวกเราก็นั่งรอชมพระอาทิตย์ขึ้นกัน พร้อมกับจิบกาแฟกันไป (หัวหน้าแก๊งจัดการ) เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคำพูดไหนๆ คงไม่สามารถสัมผัสอะไรได้ดีเท่ากับ 2 ตาที่มองเห็น และความรู้สึกที่ผิวกายได้สัมผัสกับลมหนาวที่พัดผ่านร่างกายของพวกเรา และสิ่งเหล่านี้ละที่ทำให้พวกเราหลงรักการเดินป่า สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาเพื่อให้คนที่มีความพยายามและความมุมานะได้เห็น ได้สัมผัส และได้เข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เพียงการมองเห็นผ่านรูปถ่ายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการบันทึกความงดงามของธรรมชาติ (จะเยอะไปไหนฟ่ะ พอๆ)  

     

    อยากให้ภาพออกมาสวยก็ต้องใช้ความพยายาม

     

    >> พวกเราเดินลงเขาประมาณ 10 โมงกว่า ก็กินข้าวกินปลา นอนหลับพักกาย พักขากันไปจนถึงเย็น เพราะพวกเรามีนัดขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาวอีกรอบ ตอน 4 โมงเย็น  เพื่อไปเก็บรายละเอียดและบรรยากาศต่างๆ ที่เหลือก่อนเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ 

    >> ก็ลงมานั่งกินนั่งเมาส์กันต่อ มีความสุขยิ่งหนักแล

     

    >> ตกเย็นงานเดินต้องมา.. ตามเวลานัดหมายแต่น่าเสียดายยิ่งแท้ วันที่ 2 อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน และมีเมฆมาก ทำให้พวกเราอดเห็นพระอาทิตย์บนยอดดอยเป็นครั้งที่ 2 ได้ (ไม่เสียใจๆ) อากาศบนยอดดอยอยู่ที่ 11 องศา รอบนี้พวกเราลงเขาเร็วกว่าเดิมเนื่องจากมีประสบการณ์ผ่านมาแล้ว 1 วัน ยิ่งมืดยิ่งลำบาก ยิ่งหนาว พวกเราลงเขากันตอน 6 โมงกว่า รอบนี้ใช้เวลาในการขึ้นและลงเร็วกว่าเดิมเยอะประมาณครึ่งชั่วโมงได้ (ประสบการณ์ล้วนๆ 555++)

    • โพสต์-6
    Namee •  มกราคม 31, 2559
    • โพสต์-7
    Namee •  มกราคม 31 , 2559

    24 มกราคม 2559 (วันสุดท้ายแห่งความทรงจำ)

    >> วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเราจะได้อยู่ที่นี่กัน นอนไม่ค่อยหลับเท่าไรอากาศตอนกลางคืนหนาวกว่าวันแรก (น่าจะเลขหลักเดียว ) ตื่นกันตอน 7 โมงเช้า  เก็บของ  กินข้าว เตรียมตัวลงเขา จากที่ดูพยากรณ์อากาศกันมา  วันนี้อาจมีมรสุมเข้าและจะมีความกดอากาศต่ำ อาจมีฝนตก อุณหภูมิลดลง มีหมอก ซึ่งพอตกเย็นเห็นคนที่ยังอยู่บนดอยแชร์กันเป็นเช่นนั้นจริงๆ หมอกลงหนักมาก (ดีนะที่ลงมาแล้ว คริๆ) แถมอุณหภูมิทั่วทุกภูมิภาคหนาวๆ ตามกันไปซะด้วย แหม๋ ลงมาจากดอยยังคงได้หนาวต่อยาว เฉพาะฉะนั้นเวลาจะเดินทางไปไหนอย่าลืมเช็คสภาพดินฟ้าอากาศกันนะจ๊ะ

    พวกเราแดกง่าย อยู่ง่าย ตามสภาพ

     

    >> พวกเราออกเดินประมาณ 08.40 น. ลงอย่างไว  เป็นเส้นที่เดินผ่านมาแล้วทั้งนั้น แถมมีประสบการณ์ที่ดีมากๆ กับเส้น “ปางวัว” ที่เขาใช้เป็นเส้นทางลงเขากัน เหอะๆ

    ใช้เส้นทาง "ปางวัว" ในการลงเขา เส้นนี้ทำให้โช๊คขาหย่อนกันเลยทีเดียว

     

    >> ลงมาถึงตีดอย 10.50 น. (สกิลขั้นเทพ 555++) ถึงไวเกินจนต้องนั่งรอรถมารับ ก็นั่งพักชิลๆ แล้วรถก็มาพร้อมกับข้าวขาหมู มาเชียงดาวไม่ได้กินข้าวขาหมูของที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงนะจ๊ะ ของเขาขึ้นชื่อ แต่ไม่รู้ว่าชื่อร้านอะไร หัวหน้าแก๊งจัดการ พร้อมด้วยน้ำอัดลมเย็นๆ ก็แบ่งแจกจ่ายเพื่อนร่วมทริปท่านอื่นๆ กันไป 

     

    >> ประมาณ 12.00 น. พวกเราลงมาอาบน้ำที่หน่วยพิทักษ์ป่าสบห้วยผาตั้ง-นาเลา หัวหน้าแก๊งจัดการให้ทุกเรื่อง มีห้องอาบน้ำอยู่ 3 ห้อง ทัวร์กลุ่มอื่นๆ เขาคงมีที่ไปกัน พวกเรามีกันแค่ 5 คน เลยไม่ต้องแยกใครๆ อาบน้ำกัน จากนั้นก็มารวมตัวกับหัวหน้าแก๊งซึ่งลงมารอพวกเราอยู่ที่ร้านค้าร้านเดิมแถวๆ วัดถ้ำเชียงดาว

     

    >> พวกเราออกเดินทางกลับกรุง 13.00 น. มุ่งหน้าไปถึงตากประมาณ 6 โมงเย็น แวะพักกินมื้อเย็น ที่ร้านข้าวต้มตาใหญ่ (ร้านประจำของทัวร์นี้) หัวหน้าแก๊งจ่าย ออกเดินทางต่อตอน 6 โมง 40 น.  ถึงรังสิต ประมาณ 5 ทุ่มกว่า ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเรา (กลับมาถึงอย่างสวัสดิภาพ) หัวหน้าแก๊งบอกว่าทริปนี้กลับมาถึงเร็วกว่าทริปอื่นๆ ทุกทีจะถึงประมาณตี 2 กว่าๆ ก็ใช่ซิพวกเรามีกันแค่ 5 คนนิ ความพร้อมเพียงย่อมมีมากกว่าคนจำนวนมาก คริๆ  

     

    "การขึ้นดอยหลวงเชียงดาวไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่ว่าจะใจหญิงหรือใจชายก็ไม่สำคัญ

    สำคัญที่ว่าพวกคุณ “ใจสู้” หรือเปล่า"

     

    ช่วงเวลาท่องเที่ยว
    ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียเชียงดาวเปิดให้ท่องเที่ยวได้เป็นเวลา 5 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ถึง 31 มี.ค. ของทุกปี

    รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

    เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว
    โทร. 08 9955 1417

    สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ากรมอุทยานแห่งชาติ และพันธุ์พืช เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
    โทร. 0 2561 4832

     

    รายละเอียดที่พัก

    สถานที่พัก นักท่องเที่ยวเตรียมอุปกรณ์การนอนเช่น เต็นท์ไปเอง  ให้ทำเรื่องขออนุญาต ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว หรือสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ล่วงหน้า 15 วัน จากนั้นก่อนขึ้นดอยให้นำหนังสือขออนุญาตไปยื่นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว และจ่ายค่าธรรมเนียมการขึ้นคนคนละ 20 บาท ค่ากางเต็นท์หลังละ 50 บาท ต่อคืนค่ารถคันละ 60 บาท ค่าลูกหาบวันละ 350 – 450 บาท ต่อคนค่าคนนำทางวันละ 500 บาท ต่อคน ค่ามัดจำขยะ 200 บาท จะได้รับคืนหากนำขยะมาคืนครบจำนวนที่แจ้ง

    แหล่งที่มาเพิ่มเติม : http://www.chiangmaipao.go.th/tourism/index.php/attractions/get_detail/77

     

    ปล. ในส่วนของเรื่องห้องน้ำที่พวกเราเข้าไปปล่อยของเสียทิ้งกันไว้นั้น บางท่านอาจสงสัยว่าพวกเราเข้าไปทำลายธรรมชาติกันหรือเปล่านั้น จากที่สอบถามลูกหาบ และผู้นำทัวร์หลายๆ ท่าน พอทราบมาว่า  พอหมดหน้าท่องเที่ยว เข้าสู่ฤดูป่าผลัดใบ (มกราคม – มีนาคม) ใบไม้แห้งจะกองทับถมบนพื้นป่า ทำให้ เกิดไฟป่าลุกลามในป่าผลัดใบได้ง่ายแทบทุกปี (วิถีธรรมชาติ) ป่าผลัดใบขึ้นทั่วไปบนที่ราบเชิงเขาและบนภูเขาสูง พอเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวพวกลูกหาบจะเข้ามาในพื้นที่เพื่อทำเส้นทางสำหรับทำเป็นห้องน้ำให้พวกกลุ่มนักเดินป่า

     

    ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน เข้ามารับชมภาพบรรยกาศ
    หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่
    By Namee Be Bear

    ขอฝากเพจน้องใหม่ของเจ้าของรีวิวด้วยนะจ๊ะ ถ้าชอบให้กดไลน์ ถ้าถูกใจช่วยกดแชร์

    Fanpage : https://www.facebook.com/KanXengStudio/